บุหรี่ไฟฟ้า คือ

บุหรี่ไฟฟ้า คือ ยาสูบแบบใหม่ที่จะใช้หลักการระเหยของสารนิโคตินเหลวด้วยความร้อนจากไฟฟ้า ไม่ใช่การเผาไหม้เหมือนกับบุหรี่แบบทั่วไปและเนื่องจากไม่มีการเผาไหม้ใบยาสูบจึงทำให้ความรุนแรงอยู่ระดับที่ต่ำกว่าและไม่ค่อยส่งผลกระทบต่อคนรอบข้างมากนัก แต่สร้างความรู้สึกเช่นเดียวกับการสูบบุหรี่ คงไว้ซึ่งสุนทรีย์ในการสูบและแทนที่บุหรี่จริงได้ คงไว้ซึ่งสุนทรีย์ในการสูบและแทนที่บุหรี่จริงได้ ปัจจุบันที่นิยม คือ IQOS

บุหรี่ไฟฟ้า คือ บุหรี่ที่ไม่มีสารพิษเป็นสารผสม นอกจากนิโคติน และสารเคมีโพรไพลีนไกลคอล (PG) เมื่อเริ่มต้นสูบจะเปลี่ยนสภาพเป็นไอละออง มีลักษณะคล้ายควันบุหรี่ โดยจะบรรจุในรูปหลอดแท่ง (cartridge) ควบคุมโดยระบบอิเล็กทรอนิกส์ขนาดจิ๋ว และเทคโนโลยีอะตอม โดยมีแบตเตอรี่เป็นอุปกรณ์จ่ายพลังงาน ไม่มีกลิ่น ไม่มีเปลวไฟ ไม่มีสารพิษใดๆ ที่ทำให้เกิดโรคร้ายทั้งหมด ตั้งแต่มะเร็งปอด มะเร็งคอ มะเร็งในช่องปาก หลอดลม ถุงลมโป่งพอง โรคหัวใจ และอีกมากมาย

ส่วนประกอบ บุหรี่ไฟฟ้า

1. Atomizer หรือตัวสร้างควัน เป็นอุปกรณ์หลักซึ่งเป็นหัวใจในการทำงานของบุหรี่ไฟฟ้า
2. Cartridge หรือตัวเก็บนิโคตินเหลว ทำหน้าที่เก็บนิโคตินเหลวหรือ E-Liquid
3. Battery ทำหน้าที่จ่ายไฟให้บุหรี่ไฟฟ้า และยังมีไฟที่ปลายหรือปุ่มกดเพื่อบอกสถานการณ์ทำงานของบุหรี่

ข้อดีของ บุหรี่ไฟฟ้า

1. พกพาง่าย สะดวกต่อการใช้งาน ไม่ต้องจุดไฟ สูบได้ทุกที่ทุกเวลา
2. ไม่มีสารทาร์หรือน้ำมันดิน (สารก่อมะเร็ง) และสารพิษทั่วไปที่มีในบุหรี่ธรรมดา และเนื่องจากไม่ผ่านการเผาไหม้จึงทำให้ปลอดจากสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ และไม่เกิดปัญหาควันบุหรี่มือสองอีกด้วย
3. สูบได้ในที่สาธารณะ โดยไม่มีกลิ่นรบกวน ผู้อื่น
4. ทำให้ผู้ที่คิดจะเลิกบุหรี่ สามารถเลิกได้โดยไม่ทรมานหรือมีผลทางพฤติกรรมและจิตใจมากนัก
   • ด้วยความที่เป็นการสูบควันเช่นเดียวกับบุหรี่ธรรมดาจึงไม่ทำให้รู้สึกเหมือนหักดิบจนเกินไป เหมาะกับผู้ที่ต้องการเลิกบุหรี่ที่สุด
   • สามารถเลิกบุหรี่ได้ง่ายดายใน 4 ขั้นตอน โดยการลดปริมาณความเข้มข้นของนิโคตินจากระดับสูงสุดไปจนถึงไม่มีนิโคติน
   • เลิกสูบบุหรี่จริงได้ภายใน 2 สัปดาห์ถึง 1 เดือน
5. ประหยัดเงินได้ 80% ต่อปีเมื่อเทียบกับการสูบปกติ
6. ไม่เป็นอันตรายต่อผู้อื่นและสิ่งแวดล้อม ไม่มีการเผาไหม้
7. รู้สึกได้กับ ปอดและทางเดินหายใจ ที่สะอาดปลอดโปร่งมากขึ้น
8. เสริมสร้างบุคคลิค ไม่เป็นที่รังเกียจในสังคม
9. ให้ความผ่อนคลาย และสุนทรีไปกับอรรถรส ของน้ำยาบุหรี่ด้วยรสชาติและกลิ่นต่างๆ มีหลากหลายกลิ่นให้เลือก ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นกลิ่นหอม เช่น กลิ่นช็อกโกแลต กลิ่นคาราเมลและกลิ่นผลไม้ เป็นต้น จึงไม่ทำให้รบกวนคนรอบข้างเหมือนการสูบบุหรี่ธรรมดา

ข้อเสียของ บุหรี่ไฟฟ้า

1. ค่าใช้จ่ายเริ่มแรกสูงมาก โดยจะเป็นค่าอุปกรณ์ที่ใช้ในการสูบบุหรี่ไฟฟ้านั่นเอง ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ที่หลักพันนิดๆ จนถึงสามพันขึ้นอยู่กับการจัดชุดและคุณภาพของอุปกรณ์ด้วย แต่หากประเมินที่ความคุ้มค่าแล้ว ก็ต้องบอกเลยว่าคุ้มมาก เพราะซื้อเพียงครั้งเดียวเท่านั้น จากนั้นก็ซื้อแค่น้ำยาและหัวอะตอมเพียงไม่กี่บาท
2. เมื่อสูบบุหรี่ไฟฟ้าแรกๆ อาจมีอาการแสบคอบ้าง แต่ไม่ต้องกังวล เมื่อใช้ไปได้ประมาณ 5 วัน – 2 อาทิตย์ก็จะเกิดความเคยชินและสามารถสูบได้ตามปกติโดยไม่มีอาการแสบคอ
3. ด้วยความเคยชินกับการสูบบุหรี่แบบเดิมๆ เมื่อเปลี่ยนมาเป็นบุหรี่ไฟฟ้าอาจทำให้เกิดความรู้สึกแปลกๆ อยู่บ้าง ดังนั้นแรกๆ จึงอาจมีอาการอยากบุหรี่แบบเดิม ซึ่งต้องใช้ความอดทนพอสมควรจนกว่าจะเกิดความเคยชินกับการสูบบุหรี่แบบใหม่
4. ต้องมีการบำรุงรักษาเป็นประจำ เพื่อให้อุปกรณ์สูบสามารถใช้งานได้อย่างยาวนานและคุ้มค่าโดยส่วนใหญ่จะนิยมถอดมาล้างทุกๆ 2-3 อาทิตย์ และเปลี่ยนกัวอะตอมทุก 1-2 เดือน

บุหรี่ธรรมดาแตกต่างกับ บุหรี่ไฟฟ้า อย่างไร

บุหรี่ไฟฟ้าไม่มีคุณมีเเต่โทษ แต่แตกต่างจากบุหรี่ธรรมดา เนื่องจากไม่มีการเผาไหม้ ไม่มีน้ำมันดิน (ทาร์) ไม่มีคาร์บอนมอนอกไซด์ มีเพียงควันที่เกิดจากไอน้ำเท่านั้น จึงไม่มีสารก่อมะเร็ง แต่ปริมาณนิโคตินจะสูงกว่าบุหรี่ธรรมดา (ไม่นับน้ำยาที่ไม่มีนิโคติน)

เทียบในแง่ของมูลค่า
บุหรี่ 1 ซอง ตีว่าซองละ 70 ค่า avg ของบุหรี่ถูก+แพง = 2,100 บาท
น้ำยา 2 ขวด ไม่เกิน 1000 แต่มันมีอุปกรณ์สิ้นเปลืองอีก ราวๆ 500 บาท (กรณีเปลี่ยน Coil แบบไม่พัน) = 1,500

เทียบในแง่ของกลิ่น
อันนี้ยอมรับเลยว่าเข้าข้างบุหรี่ไฟฟ้า เพราะบุหรี่ไฟฟ้าเลือกได้หลายกลิ่นหลายรสมาก ไม่มีกลิ่นติดตัวติดมือเหมือนบุหรี่มวนไม่รบกวนคนรอบข้าง แต่ถึงอย่างไร เราก็ควรที่จะสูบในที่ที่ควรสูบ ถึงแม้จะไม่มีกลิ่นเหม็นก็ตาม

เทียบในแง่ของสาร
บุหรี่มวนมีสารก่อให้เกิดโรคมะเร็ง นั่นคือ สาร นิโคตินและอื่นๆอีกมากมาย ส่วน บุหรี่ไฟฟ้า มีสารนิโคตินน้อยกว่าแต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีโทษ เพราะยังมีสารอื่นเช่น VG PG ตัวน้ำยาก็เป็นสารปรุงแต่งขึ้นมาเหมือนกัน ถ้าเลือกน้ำยาแบบมีนิโคตินก็ยิ่งแล้วใหญ่ เพิ่มโทษมากขึ้นไปอีก

บุหรี่ไฟฟ้า 1 ตัว = 1ml โดยเฉลี่ย 20 ตัว 1 ซอง ตีไป 20ml นิโคตินที่ได้รับสมมติสูบวันละซอง = 300 ml
น้ำยา Nic3 50ml = 150ml เท่ากับ ถ้าใช้เดือนละ 2 ขวด = 300 ml เท่ากัน

เทียบในแง่ของความรู้สึก
บุหรี่มวนยังไงก็คลาสสิคกว่า feel มันต่างกันที่ เวลาดูดบุหรี่มวนมันมึนกว่าและได้อารมณ์กว่า แต่ก็อย่างที่ผมได้บอกไปข้างต้นคือ บุหรี่ไฟฟ้าไม่สามารถทำให้เลิกบุหรี่จริงได้ แต่หากจะเป็นอีกทางหนึ่งที่ทำให้ช่วยลดนิโคตินจากการสูบบุหรี่โดยเลือกน้ำยาที่ปราศจากสารนิโคติน