โรคบูลิเมีย (Bulimia) คือโรคการรับประทานอาหารที่ผิดปกติที่และอาจร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้
อาการของโรคคือการรับประทานอาหารที่ผิดปกติในปริมาณที่มากในเวลาสั้นแลัวขับออกด้วยการทำให้ตัวเองอาเจียน การออกกำลังกายอย่างหนักหรือการทานยาระบายหรือยาขับปัสสาวะ
ผู้ป่วยที่เป็นโรคบูลิเมียจะทำการเอาอาหารที่รับประทานเข้าไปออก ทำเป็นพฤติกรรมด้วยการรับประทานในปริมาณมากแล้วกำจัดออกวนเป็นวัฏจักรไปเรื่อยๆ พฤติกรรมดังกล่าวรวมไปถึงวิธีการรักษาน้ำหนักตัวเองอย่างเคร่งครัดรูปแบบอื่นๆด้วยเช่นการอดอาหาร การออกกำลังกายหรือการลดน้ำหนักอย่างหนักเกินไป
ผู้ป่วยที่เป็นโรคบูลีเมียมักเห็นภาพตัวเองที่ไม่เป็นจริง ผู้ป่วยจะหมกมุ่นกับเรื่องน้ำหนักของตัวเองและมีความคิดแง่ลบต่อภาพลักษณ์ของตนเอง หลายคนที่ป่วยเป็นโรคบูลิเมียมักมีน้ำหนักตัวปกติหรืออาจน้ำหนักเกินก็ได้ การเป็นโรคบูลิเมียนั้นยากต่อการสังเกตและการวินิจฉัย
สาเหตุ โรคบูลิเมีย
โรคบูลิเมียเป็นโรคที่ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด แต่โรคนี้อาจเกิดจากปัจจัยร่วมที่สามารถทำให้เกิดโรคได้
คนที่มีปัญหาทางด้านจิตใจหรือพวกที่มีมุมมองโลกที่ผิดเพี้ยนจะมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคนี้สูงกว่าคนทั่วไป เช่นเดียวกับคนประเภทมีความต้องการและคาดหวังสูงทางสังคม คนที่มีอิทธิพลสูงทางสื่อมีเดียก็มีความเสี่ยงสูงเช่นกัน และอาจมีปัจจัยอื่นร่วมด้วยเช่น:
- มีปัญหาด้านอารมณ์ความโกรธ
- มีความเครียด
- เป็นคนรักความสมบูรณ์แบบ
- เป็นคนที่ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตนเองได้
- เคยมีบาดแผลในใจมาก่อน
ในบางการวิจัยพบว่าโรคบูลิเมียเป็นโรคทางกรรมพันธ์ หรืออาจเกิดจากสาเหตุเซโรโทนินบกพร่องในสมอง
อาการ โรคบูลิเมีย
อาการทั่วไปของโรคบูลิเมียคือ:
- มีความวิตกกังวลหรือกลัวว่าน้ำหนักตัวจะเพิ่มมากขึ้นเป็นเวลายาวนาน
- คุยแต่เรื่องความอ้วน
- หมกหมุ่นอยู่กับน้ำหนักและรูปร่างของตนเอง
- มีความคิดแง่ลบต่อภาพลักษณ์ของตนเอง
- รับประทานอาหารปริมาณมากในช่วงเวลาสั้นๆ
- บังคับให้ตัวเองอาเจียน
- มีการทานยาระบายหรือยาขับปัสสาวะมากเกินไป
- ใช้อาหารเสริมหรือผลิตภัณฑ์สมุนไพรเพื่อลดน้ำหนัก
- ออกกำลังกายอย่างหนัก
- ฟันมีคราบ(เกิดจากกรดในกระเพาะอาหาร)
- ผิวหนังแข็งด้านบนบริเวณด้านหลังมือ
- ไปห้องน้ำทันทีหลังรับประทานอาหารเสร็จ
- ไม่ยอมรับประทานอาหารต่อหน้าคนอื่น
- หลีกเลี่ยงกิจกรรมทางสังคม
การรักษา โรคบูลิเมีย
การรักษาโรคบูลิเมียเราจะไม่รักษาเฉพาะเรื่องของการให้ความรู้ด้านอาหารและเรื่องโภชนาการเท่านั้น แต่เรายังต้องรักษาเรื่องของสภาพทางจิตใจร่วมด้วย ทางเลือกของการรักษาอาจมีดังต่อไปนี้:
- ใช้ยาต้านโรคซึมเศร้า เช่นยาฟลูอ็อกเซทีน(โปรแซ็ค) เป็นยาแก้ซึมเศร้าตัวเดียวที่ได้รับการอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกาเพื่อใช้รักษาโรคบูลีเมีย
- จิตบำบัด เป็นวิธีรักษาด้วยการพูดคุยบำบัดทางจิตกับผู้ให้คำปรึกษาพิเศษเพื่อบำบัดความคิดและพฤติกรรม การบำบัดแบบครอบครัวและการบำบัดสัมพันธภาพระหว่างบุคคล
- การให้ความรู้เกี่ยวกับโภชนาการ โดยแพทย์และนักโภชนาการอาจช่วยในการวางแผนการรับประทานอาหารที่เหมาะสมเพื่อให้ผู้ป่วยสามารถควบคุมน้ำหนักได้อย่างมีความปลอดภัย
- การรักษาในโรงพยาบาล เมื่อเกิดภาวะแทรกซ้อนสำหรับผู้ป่วยโรคบูลิเมียชนิดรุนแรง