ศูนย์ศึกษาปัญหาการพนัน ร่วมกับ สสส. เผยผลวิจัย พร้อมเปิดตัวหนังสือ “เสพติดพนัน: ความใหญ่โตของปัญหาและแนวทางแก้ไข” ชี้ คนติดการพนันแต่ละคนสร้างผลเสียหายให้กับครอบครัว ญาติพี่น้อง เพื่อน ราว 10-17 คน สังคมไทยไม่รู้ “การติดพนัน” เป็นอาการป่วยชนิดหนึ่งที่ต้องรักษา แนะรัฐตั้งสถาบันวิจัย เผยแพร่ความรู้ เยียวยา และป้องกันการติดพนัน โดยเฉพาะในเยาวชนอนาคตของชาติซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยงสุด
วันที่ 26 พฤศจิกายน 2562 ณ โรงแรมเอเชีย กรุงเทพฯ ฃศูนย์ศึกษาปัญหาการพนัน คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกับ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดเสวนาวิชาการพร้อมเปิดตัวหนังสือ “เสพติดพนัน: ความใหญ่โตของปัญหาและแนวทางแก้ไข” โดยมี นายวิเชษฐ์ พิชัยรัตน์ ประธานคณะกรรมการกำกับทิศทางกลุ่มแผนงานลดปัญหาจากการพนัน สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เป็นประธานในพิธีเปิด
รศ.วิทยากร เชียงกูล เจ้าของผลงานวิจัยและหนังสือ “เสพติดพนัน : ความใหญ่โตของปัญหาและแนวทางแก้ไข” เปิดเผยว่า ผลงานนี้ได้รับทุนสนับสนุนการวิจัยจากศูนย์ศึกษาปัญหาการพนัน จัดทำขึ้นโดยหวังให้ทุกฝ่ายตระหนักถึงปัญหาจากการพนัน อันจะนำไปสู่การร่วมมือในการป้องกันและลดผลกระทบจากการพนันในสังคมไทย จากการวิจัยเชิงเอกสารแล้วสรุปองค์ความรู้ ทำให้เห็นถึงความใหญ่โตของปัญหาจากการพนัน เข้าใจสาเหตุและผลกระทบ และพบว่าสังคมไทยส่วนใหญ่ยังไม่รับรู้ว่า “การติดพนัน” เป็นอาการป่วยชนิดหนึ่งที่ต้องการการดูแลรักษาอย่างถูกวิธี ในส่วนสุดท้ายได้นำเสนอแนวทางป้องกัน วิธีการบำบัดคนติดการพนัน และจัดทำข้อเสนอสำหรับประเทศไทยด้วย
ผลการวิจัยพบว่า ผลเสียหายของการติดพนันมีทั้งด้านสุขภาพกาย สุขภาพจิตใจ เศรษฐกิจและสังคม อาทิ ขาดประสิทธิภาพในการเรียน ทำงาน ปัญหาด้านการเงิน ปัญหาความสัมพันธ์กับครอบครัว ปัญหายักยอก ฉ้อโกง อาชญากรรม รวมไปถึงปัญหาที่เชื่อมโยงไปสู่ปัญหาอื่น ๆ เช่น ติดเหล้าและสารเสพติดอื่น ๆ มีการวิจัยระบุว่า ผลเสียหายทางอ้อมที่เกิดกับคนเสพติดการพนันคือ การเพิ่มความเสี่ยงในการติดเหล้าและสารเสพติดอื่นที่มีผลเสียต่อสุขภาพ และคนเสพติดการพนันจะมีนิโคตินในร่างกายมากกว่าคนทั่วไป ซึ่งการเสพติดซ้ำซ้อนจะทำให้การแก้ปัญหายุ่งยากขึ้นไปอีก
ด้านสุขภาพจิต คนติดพนันจะมีปัญหาความผิดปกติด้านอารมณ์ นักวิจัยพบว่า คนติดพนันเป็นโรคซึมเศร้าแบบขั้วเดียวถึง 70% และความผิดปกติด้านอารมณ์รุนแรงสลับไปมา 2 ขั้ว 30% ผลเสียหายจากการติดพนันอย่างหนักคือ การคิดเรื่องฆ่าตัวตายและพยายามฆ่าตัวตาย ราว 17-24% ของคนติดพนันอย่างหนักมีการพยายามฆ่าตัวตายครั้งหนึ่งในชีวิต ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นทันทีหลังจากเล่นสูญเสียเงินจำนวนมาก
และผลเสียด้านสุขภาพจิตอีกเรื่องคือ การสร้างและคงรักษาไว้ซึ่งกระบวนการรู้คิดที่บิดเบือน เกี่ยวกับการเล่นการพนัน เช่น การคิดว่าตัวเองมีทักษะการเล่นพนันแบบเอาชนะได้ เชื่อว่าโอกาสแพ้ชนะมี 50-50 ทั้งที่ความจริงแล้วการพนันหลายอย่าง การชนะมีเปอร์เซ็นต์ต่ำกว่าการแพ้หลายเท่ามาก ฯลฯ
ส่วนผลเสียหายด้านเศรษฐกิจสังคม คณะกรรมาธิการศึกษาผลกระทบของการพนันแห่งชาติของสหรัฐฯ รายงานว่า ความเสียหายทางด้านการเงิน ค่าใช้จ่ายทางการกฎหมาย และการสูญเสียผลิตภาพของการทำงานอันเนื่องมาจากการติดการพนันของชาวอเมริกัน มีมูลค่าราว 5,000 ล้านดอลล่าร์สหรัฐต่อปี และคนติดการพนันแต่ละคนสร้างผลเสียหายให้กับครอบครัว ญาติพี่น้อง เพื่อน ราว 10-17 คน
สาเหตุและปัจจัยเสี่ยงของการติดพนันมีตั้งแต่
- ปัจจัยทางกายภาพ สมองและจิตใจ คนที่มีบุคลิกหุนหันพลันแล่น ขาดความยับยั้งชั่งใจ ชอบเสี่ยง คนที่มีปัญหาความผิดปกติด้านจิตใจ อารมณ์ ความเครียด ซึมเศร้า รู้สึกโดดเดี่ยวจากสังคม ขาดความภูมิใจในตัวเอง
- ครอบครัว สภาพแวดล้อม เช่น ชีวิตในวัยเด็กพ่อแม่ติดการพนัน ติดสารเสพติด ยากจน การศึกษาน้อย ไม่ได้รับการเลี้ยงดูที่ดีเพียงพอ มีญาติพี่น้องหรือคนชุมชนเล่นการพนัน
- การรู้คิด ทัศนคติ การหลงผิดเรื่องการพนัน การมีความหวังแบบผิดๆ อยากรวยเร็ว คิดว่าเป็นทางออกในการแก้ปัญหาความเครียด ปัญหาเศรษฐกิจ หรือวัฒนธรรม-ความเชื่อเรื่องโชคลาง สิ่งศักดิ์สิทธิ์
รศ.วิทยากร กล่าวด้วยว่า การตระหนักถึงกลุ่มและปัจจัยเสี่ยงของคนติดพนันที่มีลักษณะแตกต่างกันในบางแง่มุม จะช่วยให้เข้าใจสาเหตุและที่มาของแนวทางป้องกันและการบำบัดคนติดพนันได้รอบด้านมากขึ้น สำหรับแนวทางการป้องกัน โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่นซึ่งเป็นกลุ่มที่เสี่ยงที่สุด เนื่องจากสมองวัยรุ่นยังพัฒนาไม่เต็มที่ ความสามารถในการรู้คิดยังมีจำกัด ทำให้พวกเขามีแนวโน้มจะคิดบิดเบือนเกี่ยวกับเรื่องการพนันได้มากกว่าผู้ใหญ่ สมองส่วนหน้าเกี่ยวกับการยับยั้งชั่งใจของกลุ่มวัยรุ่นยังพัฒนาไม่เต็มที่ ขณะที่สมองส่วนหลังเกี่ยวกับความอยากพัฒนาไปแล้ว ทำให้วัยรุ่นชอบเสี่ยง ชอบสนองความพอใจและผลตอบแทนระยะสั้นมากกว่าที่จะคำนึงถึงผลเสียหายในระยะยาว และพบว่าวัยรุ่นมีสัดส่วนเล่นและติดการพนันต่อประชากรวัยเดียวกัน 4-8% ซึ่งสูงกว่าประชากรวัยผู้ใหญ่ 1-2 เท่าตัว
“แนวทางการป้องกันในหมู่เด็กเยาวชน เช่น การอธิบายโดยใช้สื่อ สัมมนาพูดคุยให้เข้าใจเรื่องการหลงผิดเรื่องการพนัน ว่าจริง ๆ แล้วมีความเสี่ยงมาก โอกาสชนะมีความเป็นไปได้น้อยมาก การส่งเสริมพัฒนาจิตวิทยาทางบวก ทำให้มีความเข้มแข็ง รู้จักดูแลควบคุมความคิด จิตใจ อารมณ์ แก้ปัญหาเป็น และการให้คำปรึกษาโดยนักบำบัด ศูนย์ให้คำปรึกษาทางโทรศัพท์หรือออนไลน์ การบำบัดเยียวยาโดยนักจิตวิทยา การบำบัดแนวพฤติกรรมการรู้คิด (Cognitive Behavioral Therapy) จะเปลี่ยนแปลงแนวคิดการรับรู้ที่บิดเบือน เป็นการคิดอย่างมีเหตุผลและสมจริง มองโลกในแง่บวก”
รศ.วิทยากร กล่าวในตอนท้ายว่า การแก้ปัญหาในระดับประเทศ ควรมีการตั้งสถาบันเพื่อวิจัยเผยแพร่ความรู้ในทางป้องกันและเยียวยาปัญหาการเสพติดการพนัน ที่สามารถให้บริการได้อย่างทั่วถึง เนื่องจากปัญหาของคนติดพนันคือ มักไม่รู้ตัว ไม่ยอมรับและปกปิดครอบครัว จนเปิดปัญหาหนักแล้วจึงจะยอมรับและยอมไปรับการบำบัด ซึ่งโดยทั่วไปผู้เข้ารับการบำบัดมีโอกาสได้รับการฟื้นฟู ลด หรือ เลิกเล่นการพนันได้
หมายเหตุ
หนังสือ “เสพติดพนัน : ความใหญ่โตของปัญหาและแนวทางแก้ไข” โดย วิทยากร เชียงกูล
งานเขียนสะท้อนปัญหาการพนันครั้งแรก ที่นำเสนอแบบเจาะลึก เล่าเรื่องเข้าใจง่าย ด้วยภาษาที่สื่อสารแบบตรงไปตรงมา รวบรวมแนวคิด ทฤษฎี ประสบการณ์และงานวิจัยทั้งในและต่างประเทศ เพื่อให้ผู้อ่านและสังคมฉุกคิดว่า …คุณกำลังเสพติดการพนันหรือไม่ ? …การติดการพนันเป็นอาการป่วยที่ต้องการการรักษา !! …แล้วเราจะรักษาเยียวยาหรือเลิกการเสพติดพนันได้อย่างไร ? หนังสือเล่มนี้มีคำตอบ