ช่องคลอดอักเสบจากเชื้อรา คือ ภาวะที่พบได้บ่อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้หญิง ที่กินยาปฏิชีวนะ พร่ำเพรื่อ กินยากุมกำเนิดใส่ห่วงคุมกำเนิดและผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ(เช่น เบาหวาน เอดส์)
สาเหตุ ช่องคลอดอักเสบจากเชื้อรา
เกิดจากเชื้อราที่ชื่อว่า แคนดิดาอัลบิแคนส์ (Candida albicans) ซึ่งเป็นเชื้อราชนิดเดียวกับที่ทำให้ลิ้นเป็นฝ้าขาว ผู้หญิงจำนวนไม่น้อย จะมีเชื้อราชนิด นี้อยู่ในช่องคลอด แต่จะไม่แสดงอาการอักเสบแต่อย่างใดเนื่องจากแบคทีเรียประจำถิ่นในช่องคลอดคอย สร้างกรดช่วยควบคุมไม่ให้เชื้อราเจริญแพร่พันธุ์ แต่ถ้าหากมีภาวะบางอย่างที่ทำให้ แบคทีเรียเหล่านี้ถูกทำลาย เช่น การกินยาปฏิชีวนะ (เช่น เตรราไซคลีน อะม๊อกซีซิลลินเป็นต้น) นาน ๆ หรือการสวนล้าง ช่องคลอด เป็นต้น จะทำให้เชื้อราเจริญได้ นอกจากนี้การกินยาคุมกำเนิด การใส่ห่วงคุมกำเนิดหรือการตั้งครรภ์ ก็อาจเปลี่ยนแปลงสภาพในช่องคลอด ทำให้เชื้อราเจริญได้เช่นกัน
อาการ ช่องคลอดอักเสบจากเชื้อรา
ผู้ป่วยจะมีอาการคันในช่องคลอดหรือรอบ ๆ ปากช่องคลอดอย่างมาก และมีตกขาวลักษณะข้นขาวคล้ายแป้งเปียกหรือคราบนมอาจมีอาการปวดเฉียบขณะ ร่วมเพศ (dyspareunia) หรือมีอาการปัสสาวะบ่อยและ ปวดแสบปวดร้อนร่วมด้วย บางรายอาจมีผื่นแดงรอบ ๆ ปากช่องคลอดหรือบริเวณขาหนีบ
การป้องกัน ช่องคลอดอักเสบจากเชื้อรา
- โรคนี้ไม่ทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงแต่ทำให้มีอาการคันในช่องคลอดรุนแรง จนบางครั้งทำให้ เสียบุคลิกภาพ
- กรณีที่ไม่สามารถให้แพทย์ตรวจภายในช่องคลอด ถ้ามีประวัติชัดเจน เช่น มีอาการหลังกินยาปฏิชีวนะ ก็อาจให้ยาเหน็บช่องคลอดไปได้เลย ถ้าไม่ดีขึ้นภายใน 2 สัปดาห์ จึงค่อยแนะนำไปตรวจที่โรงพยาบาล
- ผู้หญิงที่กินยาเม็ดคุมกำเนิด ถ้ามีอาการของ โรคนี้เป็นๆ หาย ๆ เรื้อรัง ควรเลิกกินยาคุมกำเนิด และ หันไปคุมกำเนิดโดยวิธีอื่นแทน
- อาการช่องคลอดอักเสบ (ตกขาวและคัน) อาจเป็นอาการแทรกซ้อนของผู้ที่เป็นเบาหวานแบบไม่รู้ตัว มากก่อนก็ได้ หากสงสัยควรตรวจน้ำตาลในปัสสาวะหรือในเลือด
การป้องกันช่องคลอดอักเสบจากเชื้อรา ให้หลีกเลี่ยงการสวมใส่กางเกงในที่ทำจากไนลอน หรือใยสังเคราะห์เพราะทำให้อับชื้น ซึ่งเชื้อราอาจเจริญง่าย อย่าสวนล้างช่องคลอดโดยไม่จำเป็น และอย่ากินยาปฏิชีวนะ (หรือยาชุดที่เข้ายาปฏิชีวนะ)โดยไม่จำเป็น
การรักษา ช่องคลอดอักเสบจากเชื้อรา
หากสงสัย ควรส่งโรงพยาบาล อาจต้องตรวจภายในช่องคลอดและนำตกขาวไปตรวจส่องด้วยกล้องจุลทรรศน์ จะพบเชื้อราที่เป็นสาเหตุ
การรักษา ให้ยาเหน็บช่องคลอดซึ่งเข้ายาฆ่าเชื้อรา เช่น ยาเหน็บช่องคลอดนิสเตติน(nystatin)ซึ่งมีชื่อการค้าว่ายาเหน็บช่องคลอดไมโคสเตติต(Mycostatin) ขนาด100‚000 ยูนิต เหน็บชา1เม็ด และก่อนนอน อีก1 เม็ด เหน็บทุกวันติดต่อกันนาน14วัน
หรือใช้เหน็บช่องคลอดโคลไตรมาโซล(clotrimazole)ขนาด 500 มก.เหน็บครั้งเดียวก่อนนอน หรือใช้ขนาด100 มก.เหน็บวันละครั้งก่อนนอน ทุกคืนติด ต่อกันนาน 6 วัน
หรือกินยาฆ่าเชื้อราคีโตโคนาโซล 400 มก.วันละครั้ง นาน 5 วัน
ถ้าจะหลับนอนกับสามี ควรให้สามีสวมถุงยางอนามัย เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
- ประจำเดือนของฉัน “ปกติ” หรือไม่? เป็นไรไหมถ้าไม่ปกติ?
- 11 ข้อ “ต้องรู้” เมื่อสาว 35+ อยากเป็นคุณแม่! – BDMS Wellness Clinic
- โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์: เด่นปี 2565 รักษาต่อมลูกหมากโตด้วยไอน้ำครบ 65 เคสเป็นที่แรกของไทย