การรักษา เอสแอลอี (SLE)

หากสงสัย  ควรแนะนำไปโรงพยาบาลโดยเร็ว การตรวจเลือดพบว่า  ค่าอีเอสอาร์  (ESR) สูง  พบแอนตินิวเคลียร์แฟกเตอร์ (antinuclear factor) และ แอลอีเชลล์ (LE cell)

ตรวจปัสสาวะอาจพบสารไข่ขาวและเม็ดเลือดแดง นอกจากนี้  อาจทำการตรวจเอกซเรย์  คลื่นหัวใจ และตรวจพิเศษอื่น ๆ

การรักษา ในรายที่เป็นไม่รุนแรง (เช่น มีไข้ ปวดข้อ  มีผื่นแดงขึ้นที่หน้า) อาจเริ่มให้ยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่สติรอยด์ ถ้าไม่ได้ผลอาจให้ไฮดรอกชีคลอโรควีน (hydroxychloroquine) วันละ 1- 2 เม็ด เพื่อช่วยลดการเหล่านี้ 

ในรายที่เป็นรุนแรง  แพทย์จะให้สติรอยด์ เช่น เพร็ดนิโชโลน ขนาด 8 - 12 เม็ด/วัน  ติดต่อกันเป็น สัปดาห์หรือหลายเดือน  เพื่อลดการอักเสบของอวัยวะ ต่าง ๆ เมื่อดีขึ้นจึงค่อย ๆ ลดยาลง และให้ในขนาดต่ำ  ควบคุมอาหารไปเรื่อย ๆ อาจนานเป็นแรมปีหรือจนกว่า จะเห็นว่าปลอดภัย ถ้าไม่ได้ผล  อาจต้องให้ยากดภูมิคุ้มกัน เช่น ไซโคลฟอสฟาไมด์ (cyclophosphamide) อะชาไทโพรีน (azathiooprine) เป็นต้น ยานี้เป็นยาอันตรายอาจทำให้ผมร่วงหรือศีรษะล้านได้  เมื่อหยุดยา  ผมจะงอกขึ้นใหม่ได้ นอกจากนี้  อาจให้ยารักษาตามอาการ เช่น ยาแก้ปวดลดไข้  ยาบำรุงโลหิต (ถ้าซีด) ยาปฏิชีวนะ (ถ้ามีการติดเชื้อ) เป็นต้น

ผลการรักษาไม่แน่นอน ขึ้นอยู่กับความรุนแรง  ของโรคและตัวผู้ป่วย  บางรายอาจมีโรคแทรกซ้อน  และ ถึงแก่กรรมในเวลาไม่นาน บางรายอาจมีอาการกำเริบเป็นครั้งคราว  ถ้าผู้ป่วยสามารถมีชีวิตรอดจากภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ได้เกิน 5 ปี โรคก็จะไม่กำเริบรุนแรง  และค่อย ๆ  สงบไปได้  นาน  ๆ ครั้งอาจมีอาการกำเริบ แต่อาการมักจะไม่รุนแรง  และ ผู้ป่วยสามารถมีชีวิตเยี่ยงคนปกติได้

[Total: 0 Average: 0]