1. ในรายที่อาการไม่รุนแรง ไม่มีภาวะขาดน้ำรุนแรง และยังกินอาหารหรือดื่มน้ำได้ดี ให้การรักษาแบบอาการท้องเดินหรืออาหารเป็นพิษทั่วไป คือ ให้กินสารละลายน้ำตาลเกลือแร่ เก็บอุจจาระส่งเพาะเชื้อ เมื่อทราบผลการตรวจว่าเป็นโรคนี้ หรือสงสัยว่าอาจเป็นโรคนี้ เช่น เป็นผู้สัมผัสผู้ป่วยอหิวาต์ หรืออยู่ในพื้นที่ที่มีการระบาดของโรค ควรให้ยาปฏิชีวนะกำจัดเชื้ออหิวาต์
โดยทั่วไปอาการมักดีขึ้นภายใน 1-5 วัน ถ้าดูแล 2-3 วันแล้วอาการไม่ทุเลา หรือเป็นรุนแรงขึ้นเช่น อาเจียนบ่อย กินไม่ได้ หรือมีภาวะขาดน้ำมากขึ้นควรให้น้ำเกลือทางหลอดเลือดดำ แล้วส่งโรงพยาบาลโดยเร็ว
2. ในรายที่เป็นรุนแรง เช่น ถ่ายเป็นน้ำรุนแรงอาเจียนรุนแรง กินไม่ได้ หรือมีภาวะขาดน้ำรุนแรง ควรให้น้ำเกลือทางหลอดเลือดดำ แล้วส่งโรงพยาบาลโดยเร็ว มักต้องรับตัวไว้รักษาในโรงพยาบาล
แพทย์จะทำการวินิจฉัยโดยการตรวจอุจจาระและเพาะเชื้อจากอุจจาระ (rectal swab culture) ตรวจเลือดดูความสมดุลของอิเล็กโทรไลต์ และประเมินภาวะขาดน้ำ
การรักษา ปรับดุลสารน้ำและเกลือแร่ โดยการให้สารน้ำในรูปของริงเกอร์แล็กเทต (Ringer lactate) หรืออะซีทาร์ (Acetar) ถ้าไม่มีอาจใช้น้ำเกลือนอร์มัล (NSS) แทน โดยให้ในปริมาณที่สามารถทดแทนให้เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย (ในกรณีที่ผู้ป่วยซ็อกให้ขนาด
20–40 มล./กก. อย่างรวดเร็วๆ จนกว่าความดันโลหิตจะกลับเป็นปกติ และมีความรู้สึกตัวดี) และให้กินโพแทสเซียมคลอไรด์ หรือให้ทางหลอดเลือดดำถ้าอาเจียน
ถ้าตรวจพบว่าเป็นอหิวาต์ หรือสงสัยว่าเป็นโรคนี้ควรให้ยาปฏิชีวนะอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้