แอปเปิ้ลไซเดอร์ เวนิกา: ข้อควรระวัง ประโยชน์ และวิธีกินช่วยลดพุง

ประโยชน์ apple cider vinegar แอปเปิ้ล น้ำ ผลไม้ อาหารโภชนาการ

Apple Cider Vinegar แอปเปิ้ลไซเดอร์ วีเนก้า คือ น้ำส้มสายชูที่เกิดจากหมักแอปเปิ้ลสด (น้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ล) ด้วยการนำมาบดและหมักในถังไม้ โดยไม่ผ่านกระบวนการความร้อนและการคัดกรอง จึงยังคงเอนไซม์และแร่ธาตุจากธรรมชาติไว้อย่างครบถ้วน มีคุณสมบัติเป็นกรดสูง มีรสเปรี้ยวจัด มีสีเหลืองคล้ายน้ำชา มีเส้นใยบาง ๆ ลอยอยู่ที่เรียกว่า แม่ (Mother)

Apple cider vinegar แอปเปิ้ลไซเดอร์ ประโยชน์มากมาย และช่วยเรื่องการเผาผลาญ ลดไขมัน น้ำตาลในเลือด

วิธีการหมักแบบช้า ๆ เป็นวิธีการดั้งเดิมที่ใช้ในการผลิตไวน์วินิการ์ (ไวน์น้ำส้มสายชู) โดยใช้อะซิติก แอซิดแบคทีเรียเป็นสารตั้งต้น ให้เจริญเติบโตบนผิวของของเหลวน้ำผลไม้นั้น ปล่อยขบวนการหมักดำเนินไปอย่างช้า ๆ เป็นเวลาหลายสัปดาห์หรือหลายเดือน

การหมักที่นานเกินกว่านั้นจะทำให้เกิดเมือกที่ไม่เป็นพิษ เป็นส่วนประกอบของยีสต์และอะซิติก แอซิคแบคทีเรียที่เป็นตัวเริ่มต้นในการผลิตน้ำส้มสายชู หรือที่เรียกว่า แม่ของน้ำส้มสายชู (mother of vinegar) พบในน้ำส้มสายชูที่ไม่ผ่านขบวนการผลิต ไม่ผ่านการกรอง เป็นตัวสำคัญที่ทำให้น้ำส้มสายชูชนิดนี้มีคุณภาพสูง

ตัว แอปเปิ้ลไซเดอร์ มีความเป็นกรดประมาณ 5% (Acetic Acid) มีส่วนประกอบของธาตุโพแทสเซียมสูงมีคุณสมบัติ ช่วยในการแบ่งเซลล์ ถ้าร่างกายขาดธาตุนี้ ร่างกายจะมีอาการผิดปกติคือ เติบโตช้า แก่เกินวัย ผมร่วง และหงอกเร็ว ฯลฯ งานวิจัยบางชิ้นได้เปิดเผยว่าน้ำ แอปเปิ้ลไซเดอร์ สามารถลดระดับน้ำตาลในกระแสเลือดได้ หรือแม้แต่เป็นตัวช่วยในการลดน้ำหนัก

การดื่ม ACV จะได้รับสารสำคัญ คือ เพคติน (Pectin) ซึ่งเป็นไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำได้ (Soluble Fiber) สามารถดูดซับน้ำตาล และ ไขมันไม่ให้ดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย นอกจากนี้ยังพบว่า การใช้ แอปเปิ้ลไซเดอร์ วีเนก้า หากร่วมกับวิตามิน แร่ธาตุ และ superfoods ตัวอื่นๆ จะส่งผลให้การเผาผลาญไขมัน คาร์โบไฮเดรต และโปรตีน เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

Apple Cider Vinegar แอปเปิ้ลไซเดอร์  ยังประกอบด้วยธาตุอาหารกว่า 30 ชนิด มีวิตามินมากกว่า 6 ชนิด มีกรดอะมิโน และสารเพ็คติน ล้วนแต่เป็นประโยชน์แก่ร่างกายทั้งสิ้น นอกจากนี้ ยังมีคุณสมบัติเป็นยาอีกด้วย คือเป็นพวก ยาปฏิชีวนะ ยาฆ่าเชื้อ ช่วยช่วยทำลายแบคทีเรีย และมีเอนไซม์หลายชนิดรวมอยู่ด้วย

Apple cider vinegar แอปเปิ้ลไซเดอร์ สารพัดประโยชน์

แม้ไม่มีการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับสรรพคุณของมันโดยตรง แต่ยังมีหลายการวิจัยในต่างประเทศที่พบว่า น้ำส้มสายชูแอปเปิ้ลนี้มีสรรพคุณในการรักษาโรค

1. ช่วย ลดไขมัน สะสมที่พุง

มีผลการทดลองออกมาแล้วว่าคนที่น้ำหนักเกินดื่มน้ำเปล่าผสม แอปเปิ้ลไซเดอร์ ปริมาณที่แนะนำคือ วันละ 1 ช้อนชาติดต่อกัน 12 สัปดาห์ช่วยลดน้ำหนัก เผาผลาญไขมัน ลดระดับไขมันไตรกลีเซอไรด์ได้

2. ช่วยย่อยอาหาร

คือช่วยระบบย่อยอาหาร แก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ ช่วยให้ลำไส้บีบตัวได้ดีขึ้น ป้องกันอาการอาหารไม่ย่อย โดยทานก่อนรับประทานอาหารมื้อหนักๆ เช่น อาหารที่มีเนื้อสัตว์ย่อยยาก โดยใช้น้ำผลไม้ เช่น น้ำมะนาวประมาณ 6 ออนซ์ผสมกับน้ำเปล่า 1 แก้ว แล้วเติม ACV 1 ช้อนชาดื่ม

3. ช่วยระบบหายใจ

ใช้เป็นยาฆ่าเชื้อจากธรรมชาติ แก้ไซนัส แก้เจ็บคอ แก้หวัด แก้การเกิดเสมหะ ใช้เป็นน้ำยาบ้วนปากก็ได้ ทันตแพทย์แนะนำว่าควรผสมน้ำ 2 ส่วนกับน้ำแอปเปิ้ลไซเดอร์ 1 ส่วน จากนั้นก็กลั้วคอสัก 1 นาทีแก้อาการเจ็บคอ วิธีนี้จะช่วยหยุดยั้งการแพร่กระจายของเชื้อหวัดในลำคอ หรืออีกวิธีกินคือ ผสมน้ำอุ่นกับน้ำแอปเปิ้ลไซเดอร์แล้วตามด้วยพริกคาเยนกับน้ำผึ้ง จากนั้นก็ดื่ม

4. ช่วยลดน้ำหนักได้ดี

มีการใช้น้ำส้มสายชูในการลดน้ำหนักมาเป็นพันปี โดยช่วยให้อิ่มเร็ว ขึ้น ผลการวิจัยในปี 2005 พบว่า ผู้ที่รับประทานขนมปังกับน้ำส้มสายชูเล็กน้อยจะรู้สึกอิ่มเร็วกว่าคนที่รับประทานแต่ขนมปังอย่างเดียว และมีช่วยลดพุง ลดไขมัน คอเลสเตอรอลได้

5. บรรเทาเบาหวาน

พบว่าน้ำส้มสายชูอาจช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ตัวอย่างเช่น งานวิจัย ที่ศึกษาผู้ป่วยเบาหวานประเภท 2 พบว่า การรับประทานแอปเปิ้ลไซเดอร์วินิก้า วันละ 2 ช้อนโต๊ะ ผสมน้ำสะอาดก่อนนอนช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดก่อนเวลาอาหารเช้าได้ 4-6%

กรดอะซิติกในน้ำส้มสายชูอาจช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดลง ด้วยการช่วยให้การย่อยคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนเป็นไปอย่างสมบูรณ์โ­­ดยช้า ๆ ใช้กรดน้ำย่อยในกระเพาะจนหมด และเพิ่มการเก็บกลูโคสเข้าไปในเนื้อเยื่อของเซลล์ได้มากขึ้น

อีกทฤษฏีหนึ่งที่ใช้อธิบายก็คือ น้ำส้มสายชูอาจชัดขวางเอนไซม์การย่อยบางตัวให้ย่อยสลายคาร์โบไฮ­­เดรตไปเป็นน้ำตาลให้ดำเนินไปได้ช้าลง จึงทำให้การเปลี่ยนแปลงคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนกลายเป็นน้ำตาลเข้า­­สู่กระแสเลือดได้ช้าลงในมื้ออาหารนั้น ส่งผลให้ร่างกายมีเวลาในการดึงน้ำตาลออกจากกระแสเลือดได้นานขึ้­­น ป้องกันระดับน้ำตาลไม่ให้พุ่งขึ้นสูงอย่างรวดเร็ว

6. ลดคอเลสเตอรอล

การวิจัยในปี 2006 พบว่า น้ำส้มสายชูช่วยลดคอเลสเตอรอลใน เลือดของหนูได้ แต่ในคนยังไม่พบว่าจะให้ผลเช่นที่พบในหนู

7. บรรเทาความดันโลหิตสูง และโรคหัวใจ

งานวิจัยทางระบาดวิทยาพบว่า น้ำส้มสายชูแอปเปิ้ลช่วยลด ความดันโลหิตของหนู และผู้ที่รับประทานน้ำสลัดที่มีน้ำมัน และน้ำส้มสายชูผสมกัน สัปดาห์ละ 5-6 ครั้ง มีอัตราการเกิดโรคหัวใจต่ำกว่าผู้ที่ไม่ได้รับประทาน

8. อาจช่วยต้านมะเร็ง

มีงานวิจัยพบว่าน้ำส้มสายชู อาจช่วยฆ่าหรือชะลอการเจริญของเซลล์มะเร็ง แต่การวิจัยทางระบาดวิทยาในคนยังให้ข้อมูลที่สับสนคือ มีผลการวิจัยว่า การรับประทานน้ำส้มสายชูลดความเสี่ยงมะเร็งหลอดอาหาร แต่อีกผลการวิจัยกลับพบว่า เพิ่มความเสี่ยงมะเร็งในกระเพาะปัสสาวะ

9. ช่วยดีท็อกซ์ และช่วยการเผาผลาญของร่างกายให้ดีขึ้น

(อ่านเรื่องระบบเผาผลาญที่นี่) ช่วยทำความสะอาดระบบทางเดินอาหาร กระตุ้นกระบวนการล้างพิษตามธรรมชาติของร่างกายให้มีประสิทธิภาพดีขึ้น โดยเฉพาะการขับสารพิษของตับ เนื่องจากมีกรดมาลิกและกรดทาร์ทาริกซึ่งช่วยให้กระบวนการย่อยโปรตีนและไขมันทำงานได้ดีและยังช่วยให้นิ่วในถุงน้ำดีอ่อนตัวลงอีกด้วย

10. ใช้บำรุงผิวพรรณ

เราสามารถใช้น้ำ แอปเปิ้ลไซเดอร์ เป็นยาสมานแผลได้ และแก้ผื่นคันจากการแพ้ได้ (เพียงเจือจางและทาลงบนใบหน้า) หรือใช้เป็นยารักษาจุดด่างดำ รักษาแผลจากสิว หากผสมกับผงดีเกลือบริสุทธิ์จะช่วยถอนพิษและความมัวหมองออกจากผิวหนังได้ด้วยการช่วยผลัดเซลล์ผิว

ไม่ว่าจะแมลงสัตว์กัดต่อย, พืชมีพิษ หรือแม้แต่สัมผัสโดนแมงกะพรุน น้ำ แอปเปิ้ลไซเดอร์ สามารถลดอาการข้างเคียงเหล่านี้ได้ เพียงทาลงบนบริเวณที่มีอาการคัน ทิ้งไว้สักพัก อาการก็จะค่อยๆดีขึ้น

ผู้ที่ควรหลีกเลี่ยง

แม่ที่กำลังตั้งครรภ์และให้นม

ผู้หญิงตั้งครรภ์ไม่ควรบริโภคน้ำผสมน้ำส้มสายชูนี้ เพราะมันยังไม่มีหลักฐานทางการแพทย์ใดๆที่บอกถึงผลดีของมันที่มีต่อร่างกายในช่วงตั้งครรภ์ และหากเป็นมารดาที่กำลังให้นมบุตร มันก็อาจจะส่งผลลบต่อพัฒนาการของทารกแรกเกิดโดยเฉพาะพัฒนาการในการสร้างเนื้อเยื่อและความแข็งแรงของกระดูก

ผู้หญิงช่วงหลังวัยทอง

หลังวัยทองหรือช่วงหมดรอบเดือนใหม่ๆ จะเป็นช่วงเวลาที่ผู้หญิงมีสภาวะเปลี่ยนแปลงเรื่องความหนาแน่นของกระดูก ซึ่งหากบริโภคน้ำส้มนิดนี้ในปริมาณสูงๆ ก็จะทำให้เกิดสภาวะกระดูกบางขึ้นได้ในสตรีหลังวัยทอง

ผู้เป็นโรคเบาหวาน

ผู้ที่มีอาการของโรคเบาหวาน จะต้องระวังอย่างมากในการบริโภคน้ำส้มสายชูชนิดนี้ เพราะน้ำส้มนี้จะไปลดระดับน้ำตาลในเลือด ซึ่งหากคุณบริโภคยาที่ลดระดับน้ำตาลดังกล่าวนี้อยู่แล้ว ก็เท่ากับไปทำให้ระดับน้ำตาลลดต่ำลงจนมากเกินไป และอินซูลินและน้ำส้มสายชู ก็จะไปลดระดับโปตัสเซียมในร่างกายลงด้วยจนเป็นอันตรายได้เช่นกัน

[Total: 1 Average: 5]

Leave a Reply