เชื้อแบคทีเรียในกลุ่มซาลโมเนลลา (Salmonella Food Poisoning) คือ แบคทีเรียชนิดนี้อาศัยอยู่ในลำไส้ของมนุษย์ และสัตว์ การติดเชื้อในมนุษย์เป็นผลมาจากการบริโภคอาหาร หรือน้ำที่มีการปนเปื้อนอุจจาระเข้าไปในร่างกาย
การติดเชื้อซาลโมเนลลาในระบบทางเดินอาหารมักส่งผลต่อระบบลำไส้เล็ก ที่เราเรียกกันว่า โรคลำไส้อักเสบ หรือไข้เอนเทอริก ซึ่งเป็นชนิดของอาหารเป็นพิษที่พบได้บ่อยมากที่สุด
สาเหตุ โรคติดเชื้อซาลโมเนลลา
การรับประทานอาหาร หรือดื่มของเหลวทุกชนิดที่มีการปนเปื้อนเชื้อซาลโมเนลลาแบคทีเรียจะทำให้เกิดอาหารเป็นพิษซาลโมเนลลา ตามปกติจะเกิดกับคนที่รับประทานอาหารดิบ หรืออาหารสำเร็จที่ทำมาจากคนอื่น
เชื้อซาลโมเนลลามักแพร่กระจายเมื่อคนๆนั้นไม่ล้างมือหรือล้างไม่สะอาด หลังจากใช้ห้องน้ำ หรืออาจเกิดจากการไปสัมผัสสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะสัตว์จำพวกสัตว์เลื้อยคลาน และสัตว์ปีก การทำอาหารให้สุกดี หรือผ่านการพาสเจอไรส์จะสามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรียซาลโมเนลลาได้ ความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมากขึ้น หากรับประทานอาหารแบบดิบ ไม่สุก หรือใช้อุปกรณ์ที่ไม่ผ่านการฆ่าเชื้อ
อาการ โรคติดเชื้อซาลโมเนลลา
อาการของโรคติดเชื้อซาลโมเนลลาเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเกิดภายใน 8 – 72 ชั่วโมงหลังบริโภคอาหาร หรือน้ำที่มีการปนเปื้อนเข้าไป หากเกินกว่า 48 ชั่วโมงขึ้นไป อาการจะยิ่งลุกลาม
อาการทั่วไปในระยะเฉียบพลัน เช่น:
- ปวดท้อง เกร็ง กดเจ็บ
- หนาวสั่น
- ท้องเสีย
- มีไข้
- ปวดกล้ามเนื้อ
- คลื่นไส้
- อาเจียน
- มีสัญญานของภาวะขาดน้ำ(เช่น ปัสสาวะสีเข้ม หรือน้อยลง ปากแห้ง และหมดแรง)
- อุจจาระมีเลือดปน
การรักษาโรคติดเชื้อซาลโมเนลลา
การรักษาหลักของโรคติดเชื้อซาลโมเนลลา คือ การทดแทนของเหลวและเกลือแร่ที่ผู้ป่วยสูญเสียไปตอนมีอาการท้องร่วง สำหรับผู้ใหญ่ควรดื่มน้ำให้เพียงพอ หรือเครื่องดื่มเกลือแร่ เพื่อชดเชยภาวะขาดน้ำ
เพิ่มเติมด้วยการจัดสรรอาหารที่รับประทานให้ง่ายต่อการย่อย เช่น กล้วย ขาว ซอสแอปเปิ้ล และขนมปังก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ ผู้ป่วยควรหลีกเลี่ยงอาหารประเภทนม และพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้ร่างกายได้มีเวลาต่อสู้กับการติดเชื้อ