ภาวะบวมน้ำเหลือง ( Lymphedema) คือ การคั่งค้างสะสมของน้ำเหลืองชั้นใต้ผิวหนัง อันเนื่องมาจากทางเดินน้ำเหลืองบริเวณที่ใกล้เคียงกันนั้นอุดกั้นหรือถูกทำลาย ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งที่แขน ขา และอวัยวะเพศ โดยมีสาเหตุมาจากพันธุกรรม และภายหลังจากการผ่าตัดที่ต้องตัดต่อมน้ำเหลืองบริเวณนั้น เช่น การผ่าตัดมะเร็งหรือเนื้องอกบริเวณปากมดลูก มะเร็งเต้านม หรือมะเร็งอัณฑะ และภายหลังได้รับการฉายรังสีรักษาใกล้ขาหนีบ รักแร้ รวมทั้งผิวหนังเกิดภาวะติดเชื้อและอักเสบรุนแรง (cellulitis, erysipelas) อย่างซ้ำๆ การได้รับอุบัติเหตุเป็นแผลลึก ตลอดจนภาวะหลอดเลือดดำขอดหรือตีบตัน ซึ่งพบได้มากที่ขา และอาจเกิดจากหนอนพยาธิฟิลาเรีย ซึ่งมียุงเป็นพาหะ
ภาวะบวมน้ำเหลืองแบ่งเป็น 2 ชนิดหลัก:
- ภาวะบวมน้ำเหลืองปฐมภูมิ (primary lymphoedema)
- ภาวะบวมน้ำเหลืองทุติยภูมิ (secondary lymphoedema)
สาเหตุ ภาวะบวมน้ำเหลือง
สาเหตุอาจเกิดมีตั้งแต่เกิด(congenital) หรือเกิดจากโรคที่ทำให้ท่อน้ำเหลืองผิดรูป
( acquired anomalies) สาเหตุที่พบได้บ่อยคือเกิดตามหลังการผ่าตัด และ ฉายแสงบริเวณเต้านม
แล้วไปรบกวนระบบน้ำเหลืองในบริเวณรักแร้ อันทำให้เกิดแขนบวมตามมาได้
อาการ ภาวะบวมน้ำเหลือง
- มีอาการปวด, รู้สึกหนักๆ หน่วงๆ
- เคลื่อนไหวลำบาก
- มีการติดเชื้อซ้ำๆ ที่ผิวหนัง
- ผิวหนังหนา และแข็ง
- มีพังผืดเกิดขึ้นในผิวหนัง
- ผิวหนังแข็งเป็นตะปุ่มตะป่ำ
- มีน้ำเหลืองซึมออกจากผิวหนัง
การรักษา ภาวะบวมน้ำเหลือง
การรักษาภาวะบวมน้ำเหลืองนั้น ทุกคนสามารถป้องกันและดูแลตัวเองได้ เริ่มจากรักษาความสะอาดอวัยวะที่บวมเป็นพิเศษ เพื่อป้องกันการติดเชื้ออักเสบ ยกอวัยวะที่บวมให้สูงไว้ เพื่อช่วยน้ำเหลืองที่คั่งคืนสู่ร่างกาย งดอาหารเค็มและอาหารประเภทไขมันสูง เพราะเกลือที่มากเกินไปจะเหนี่ยวนำให้ร่างกายบวมน้ำ ส่วนไขมันจะไปพอกสะสมบริเวณที่น้ำเหลืองคั่ง ทำให้อาการบวมรุนแรงยิ่งขึ้น รวมถึงการพันผ้ายืด (elastic bandage) ให้ตึงพอดี หรือสวมถุงน่อง (stocking) ที่กระชับพอดี ไม่แน่น หรือหลวมไปตลอดเวลา จะถอดเฉพาะเวลาอาบน้ำเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีนวดด้วยเครื่องอัดลม ซึ่งมีบริการในโรงพยาบาลขนาดใหญ่บางแห่งเท่านั้น การขันชะเนาะลดบวม และการผ่าตัด โดยล่าสุดเป็นการต่อหลอดน้ำเหลืองเข้าหลอดเลือดดำด้วยเทคนิค supermicrosurgery
- ถ้ามีอาการ ปวด บวม แดง ร้อน จะประคบความเย็นเพื่อลดการอักเสบ
- ใช้ RF เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนน้ำเหลือง
- ใช้ระบายน้ำเหลืองด้วยเทคนิค LDT ร่วมกับ BFRT
- ใส่ Compressions stockings
- กระตุ้นการไหลเวียนเลือดโดย Pumping Exercise