ต้อเนื้อ

ต้อเนื้อ คือ โรคที่พบมากในประเทศเขตร้อน ที่ค่อนข้างแห้งแล้งและมีฝุ่นลมจัด จึงเป็นโรคที่พบได้บ่อยมากในบ้านเราในแทบทุกภาคของประเทศแต่จะพบเป็นกันมากในภาคอีสาน พบมากในผู้ที่มีอายุระหว่าง 30-35 ปี ไม่พบในเด็กที่อายุต่ำกว่า 14 ปี ผู้ชายและผู้หญิงมีโอกาสเป็นเท่าๆ กัน

สาเหตุ ต้อเนื้อ

ต้อเนื้อ เป็นเยื่อบุตาที่เกิดการเสื่อมและหนาตัวขึ้นซึ่งสาเหตุที่แท้จริงยังไม่ทราบแน่ชัด พบว่าการถูก แสงแดดอัลตราไวโอเลต) เป็นประจำเป็นปัจจัยที่สำคัญ ของการเกิดโรคนี้ นอกจากนี้การถูกลม ฝุ่น ควัน ความร้อน สารเคมี และมลพิษทางอากาศเป็นประจำก็อาจทำ ให้เกิดโรคนี้ได้  ดังนั้นต้อเนื้อจึงพบบ่อยในคนที่ทำงาน กลางแจ้ง ซึ่งถูกแดด ลม ฝุ่น เป็นประจำ (เช่น ชาวไร่ ชาวนา ชาวสวน ชาวประมง คนงานก่อสร้าง นักกีฬา กลางแจ้ง เป็นต้น) ส่วนน้อยอาจพบในผู้ที่มีอาชีพที่ต้องสัมผัสกับสิ่งระคายเคืองตาอื่นๆ เช่นคนงานในโรงาน (ถูกสารเคมี) คนทำครัว (ถูกควันไอร้อน) เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังพบว่าผู้ป่วยบางรายจะมีประวัติว่า มีพ่อแม่พี่น้องเป็นโรคนี้ด้วย จึงเชื่อว่าปัจจัยทางกรรมพันธุ์อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเกิดต้อเนื้อ

อาการ ต้อเนื้อ

จะเห็นแผ่นเนื้อสามเหลี่ยมสีเหลืองๆ ที่บริเวณตาขาวชิดตาดำ ส่วนมากจะเกิดที่ด้านหัวตา (ด้านในของตาส่วนที่อยู่ใกล้กับจมูก) ส่วนน้อยอาจพบที่หางตา ทั้งนี้เพราะส่วนของหัวตามีโอกาสกระทบกับสาเหตุต่างๆ ที่ทำให้เกิดต้อเนื้อมากกว่าส่วนหางตา ประกอบกับมีหลอดเลือดมาเลี้ยงในบริเวณหัวตามาก

บางครั้งหลังจากถูกแสงมากๆ หรือนอนดึกอาจเห็นหลอดเลือดขยายมีลักษณะแดงเรื่อ ๆ โดยทั่วไป ผู้ป่วยจะไม่รู้สึกมีอาการผิดปกติแต่อย่างใด นอกจากบางครั้งมีการอักเสบจะมีอาการเคืองตา น้ำตาไหล ตาแดง หรือมีอาการปวดเล็กน้อย ในบางรายเมื่อเป็นนานเป็นแรมเดือนแรมปี ต้อเนื้ออาจยื่นเข้าไปถึงกลางตาดำทำให้บังสายตา ตามัว มองไม่ถนัดได้

บางรายอาจมีต้อเนื้อที่หัวตาและหางตาพร้อมกัน  ผู้ป่วยอาจเป็นต้อเนื้อที่ตาเพียงข้างเดียวหรือ 2 ข้างก็ได้ ที่พบได้น้อยมากก็คือ การเกิดแผลเป็นที่กระจกตา ซึ่งต้องแก้ไขด้วยการผ่าตัดเปลี่ยนกระจกตาอาจพบในรายที่เป็นมากและปล่อยให้มีการอักเสบบ่อยๆ

การป้องกัน ต้อเนื้อ

ป้องกันมิให้เกิดต้อเนื้อ โดยพยายามหลีกเลี่ยงการถูกแดด ถูกลม ถูกฝุ่น และสิ่งระคายเคืองตาอื่นๆ เวลาออกไปทำงานกลางแดด (กลางแจ้ง) ควรสวมแว่นตาดำที่สามารถกันแสงอัลตราไวโอเลต

  1. บางรายอาจมีตุ่มนูน สีขาวเหลืองรูปสามเหลี่ยม หรือหลายเหลี่ยมเล็ก ๆ เกิดขึ้นตรงขอบตาดำด้านหัวตาหรือหางตา (ตรงกับบริเวณที่เป็นต้อเนื้อ) ซึ่งมักเป็นที่ตา 2 ข้าง เรียกว่า ต้อลม (pinguecula) มีสาเหตุเช่นเดียวกับต้อเนื้อ ส่วนใหญ่มักจะไม่ลุกลามเข้าตาดำ และไม่ต้องให้การรักษาแต่อย่างใด นอกจากบางครั้งอาจมีอาการอักเสบเคืองตา ก็ให้ใช้ยาหยอดตาแก้อักเสบเช่นเดียวกับต้อเนื้อ ส่วนการผ่าตัดลอกออกนั้น แพทย์มักจะไม่แนะนำให้ทำเพราะอาจทำให้เกิดรอยแผลเป็นไม่สวยงาม และมักกลับกำเริบขึ้นใหม่อีก
  2. ทั้งต้อเนื้อและต้อลมเป็นโรคที่ไม่มีอันตรายแต่อย่างใด และไม่มียาที่ใช้กัดต้อเนื้อให้หลุดได้ (ไม่ว่าจะเป็นยาแผนปัจจุบันหรือแผนโบราณก็ตาม) และที่สำคัญผู้ป่วยต้องหลักเลี่ยงการซื้อยาหยอดตาที่มีตัวยาสตีรอยด์ผสมมาใช้เอง เนื่องเพราะหากใช้ติดต่อกันนานๆ อาจกลายเป็นต้อหินตาบอดได้

การรักษา ต้อเนื้อ

  1. ถ้าไม่มีอาการอักเสบและต้อเนื้อยังไม่ยื่นเข้ากระจกตา ก็ไม่ต้องให้การรักษาใดๆ ควรหลีกเลี่ยงแส แดด ลม ฝุ่น และสิ่งระคายเคืองตาต่างๆ ถ้าต้องออกกลางแดด ควรสวมแว่นตาดำที่สามารถกันแสงอัลตราไวโอเลต เพื่อป้องกันมิให้ต้อเนื้อลุกลาม
  2. ถ้ามีการตาอักเสบ เคืองตา ให้ใช้ยาหลอดตาลดการอักเสบ  เป็นครั้งคราว ถ้าไม่ได้ผลหรืออักเสบมาก แพทย์อาจให้ใช้ยาหยอดตาสตีรอยด์ ควรใช้เท่าที่จำเป็นเมื่อดีขึ้นก็หยุดใช้ ถ้าใช้ติดต่อกันนานๆ อาจทำให้เป็นต้อหินเรื้อรังได้
  3. รอจนกระทั้งต้อเนื้อยื่นเลยขอบตาดำเข้าไปสัก 3-4 มม.ค่อยแนะนำไปโรงพยาบาลเพื่อผ่าตัดลอกออก การผ่าตัดต้อเนื้อเป็นเรื่องที่ไม่ยุ่งยาก เพียงแต่ฉีดยาชาเฉพาะที่ตรงบริเวณที่เป็นต้นเนื้อใช้เวลาลอกประมาณ 15 นาที และไม่ต้องนอนพักในโรงพยาบาลประมาณร้อยละ 30 ของผู้ป่วยที่ผ่าตัดลอกต้อ เนื้อออกแล้วมีโอกาสเป็นต้อเนื้อกำเริบคืนกลับมาได้อีก ในปัจจุบันสามารถป้องกันการคืนตัวของต้อเนื้อโดย การใช้รังสีบีตาไปช่วยทำลาย หรือใช้ยาบางชนิด (เช่น Mitomycin–C) หยอดหลังผ่าตัดซึ่งได้ผลดีมาก แต่ผู้ป่วยควรหลีกเลี่ยงการถูกลม แดด ฝุ่น และความร้อนในรายที่มีต้อเนื้อกำเริบหลังผ่าตัด ควรจะทำการผ่าตัดลอกต้อซ้ำอีก ซึ่งมักจะหายขาดได้
[Total: 2 Average: 5]