โรคหนองในเทียม (Chlamydia) คือ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STI) ที่เกิดจากแบคทีเรีย โดยผู้ที่เป็นหนองในเทียมมักจะไม่แสดงอาการออกมาในระยะแรก
จากข้อมูลการเฝ้าระวังโรค พบอัตราป่วยโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ 5 โรคหลัก ได้แก่ ซิฟิลิส หนองใน (Gonorrhea) หนองในเทียม แผลริมอ่อน (Chancroid) และกามโรคของต่อมและท่อน้ำเหลือง (ฝีมะม่วง) เพิ่มขึ้นจากอัตราป่วย 18.9 ต่อประชากรแสนคนในปี 2556 เพิ่มเป็น 28.8 ต่อประชากรแสนคนในปี 2560
อาการ หนองในเทียม
อาการหนองในเทียมในเพศชาย
ผู้ชายส่วนมากจะไม่มีอาการแม้จะติดเชื้อหนองในเทียมแล้วก็ตาม
ในเพศชายเวลาที่หนองในเทียมอาการปรากฏ จะใช้เวลา 1-3 สัปดาห์หลังจากการได้รับเชื้อหนองในเทียม
อาการหนองในเทียมที่พบโดยทั่วไปในเพศชาย:
- รู้สึกแสบระหว่างถ่ายปัสสาวะ
- มีสารคัดหลั่งสีเหลืองหรือสีเขียวออกจากอวัยวะเพศ
- ปวดช่องท้องช่วงล่าง
- ปวดอัณฑะ
นอกจากนี้ผู้ป่วยสามารถเกิดอาการเชื้อหนองในเทียมในทวารหนักได้ อาการโดยหลักๆ คือ มีสารคัดหลั่งออกจากทวารหนัก ปวด และมีเลือดออกจากบริเวณนี้
การมีเพศสัมพันธ์แบบออรัลเซ็กซ์กับผู้ที่ติดเชื้อ จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นหนองในเทียมในลำคอ อาการหลักๆ คือ เจ็บคอ ไอหรือมีไข้ นอกจากนี้ยังเป็นไปได้ที่แบคทีเรียจะติดเชื้อในลำคอ
อาการหนองในเทียมในเพศหญิง
หนองในเทียมรู้จักกันดี ในการติดเชื้อแบบไม่ส่งสัญญาณใดๆ นั่นหมายถึงว่าผู้ติดเชื้ออาจจะไม่แสดงอาการใดๆ หรืออาจจะใช้เวลานานหลายสัปดาห์หลังจากติดเชื้อจึงจะปรากฏอาการ
อาการโดยทั่วไปของหนองในเทียมในเพศหญิงได้แก่:
- เจ็บอวัยวะเพศระหว่างมีเพศสัมพันธ์
- ตกขาว
- รู้สึกแสบระหว่างถ่ายปัสสาวะ
- ปวดช่องท้องช่วงล่าง
- ปากมดลูกอักเสบ
- เลือดออกระหว่างมีเพศสัมพันธ์
ในผู้ป่วยหญิงบางรายที่ติดเชื้อ เชื้อสามารถลุกลามไปยังท่อนำไข่ ซึ่งอาจทำให้เกิดโรคกระดูกเชิงกรานอักเสบ (PID) ที่เป็นอาการผิดปกติที่ต้องได้รับการรักษาเร่งด่วน
อาการโรคกระดูกเชิงกรานอักเสบ (PID) :
- มีไข้(fever)
- ปวดกระดูกเชิงกรานอย่างมาก
- วิงเวียนศีรษะ
- มีเลือดออกระหว่างมีเพศสัมพันธ์
สาเหตุ โรคหนองในเทียม
การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่สวมใส่ถุงยางอนามัย และไม่หลีกเลี่ยงการใช้ออรัลเซ็กส์ เป็นสาเหตุหลักของการติดเชื้อหนองในเทียม เนื่องจากโรคหนองในเทียมนั้นเป็นโรคติดต่อ
การที่อวัยวะเพศสัมผัสกันจะทำให้เกิดการติดเชื้อแบคทีเรีย รวมถึงการมีเพศสัมพันธ์ผ่านทางทวารหนัก
ทารกแรกเกิดสามารถรับหนองในเทียมจากแม่ของพวกเขาในระหว่างการคลอด ส่วนใหญ่จะมีการทดสอบหนองในเทียมก่อนคลอด รวมถึงการทดสอบอีกครั้งด้วย OB-GYN ในระหว่างการตรวจก่อนคลอดครั้งแรก
การติดเชื้อหนองในเทียมในดวงตาสามารถเกิดขึ้นได้จากการสัมผัสอวัยวะเพศด้วยตาหรือปาก แต่หนองในเทียมที่เกิดในดวงตาไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยนัก
โรคหนองในเทียมนั้น สามารถติดเชื้อแม้ในคนที่เคยติดเชื้อมาก่อน และทำการรักษาได้สำเร็จ
การรักษา โรคหนองในเทียม
โรคหนองในเทียมนั้นสามารถรักษาโดยง่ายโดยการใช้ยาปฏิชีวนะ ยารักษาโรคหนองในเทียมที่นิยมใช้ได้แก่
Azithromycin เป็นยาปฏิชีวนะที่แพทย์มักจะใช้รักษาผู้ป่วยด้วยปริมาณยาที่มาก ส่วน Doxycycline เป็นยาปฏิชีวนะที่ต้องกินวันละ 2 ครั้ง นาน 1 สัปดาห์
แพทย์อาจให้ยาปฏิชีวนะชนิดอื่นๆ ด้วย ไม่ว่าแพทย์จะให้ยาใดๆ ในการรักษาผู้ป่วยต้องใช้ยาอย่างระมัดระวังตามคำสั่งแพทย์ เพื่อให้การติดเชื้อจะหายขาด การให้ยาเพื่อรักษานี้อาจใช้เวลายาวนานถึง 2 สัปดาห์
ระหว่างการรักษาหนองในเทียมควรงดการมีเพศสัมพันธ์ เพื่อหลีกเลี่ยงการได้รับเชื้ออีกครั้ง
แม้ว่าหนองในเทียมจะสามารถรักษาได้ แต่ก็ยังต้องใส่ใจป้องกันในระยะยาว