ตาแห้ง คือ อาการของดวงตาที่มีปริมาณน้ำตามาหล่อเลี้ยงให้เกิดความชุ่มชื้นกับดวงตาและเคลือบกระจกตาดำไม่เพียงพอ ซึ่งพบในผู้ป่วยทุกเพศทุกวัย แต่จะพบบ่อยมากในผู้หญิงวัยหลังหมดประจำเดือน
โดยปกติน้ำตาถูกสร้างจากต่อมน้ำตา 2 กลุ่ม ได้แก่
1. ต่อมน้ำตาที่เป็นเซลล์เล็กๆ ซึ่งฝังตัวอยู่บริเวณเยื่อเมือกที่คลุมตาขาวและด้านในของเปลือกตา มีหน้าที่ผลิตน้ำตาออกมาหล่อลื่นตาตลอดทั้งวันในภาวะปกติ เรียกว่า Basic Tear Secretion
2. ต่อมน้ำตาใหญ่ อยู่ใต้โพรงกระดูกเบ้าตาบริเวรหางคิ้วมีหน้าที่ผลิตน้ำตาออกมาเฉพาะเวลาที่มีอารมณ์ต่างๆ เช่น อาการเจ็บ ปวดตา ระคายเคืองตา ดีใจ เสียใจ เรียกว่า Reflex Tearing
สาเหตุ ตาแห้ง
สาเหตุของการเกิดตาแห้งยังไม่ทราบแน่ชัด แต่ผลการวิจัยพบว่ามีหลายปัจจัย ได้แก่
- อายุ เมื่อสูงวัยร่างกายเราจะสร้างน้ำตาลดลง เพศหญิงจะมีโอกาศพบได้บ่อยกว่าเพศชาย โดยเฉพาะเพศหญิงวัยหลังหมดประจำเดือน เป็นผลมาจากระดับฮอร์โมนที่ลดลงทำให้สารคัดหลั่งต่างๆในร่างกาย รวมทั้งน้ำตาก็ลดปริมาณลงไปด้วย
- การทำงานของเปลือกตาบกพร่อง เช่นหลับตาไม่สนิท กระพริบตาน้อย เปลือกตาผิดรูป
- ยาบางชนิด อาจทำให้เกิดอาการตาแห้งได้ เช่นยาลดน้ำมูก ยาแก้หวัด ยารักษาภูมิแพ้ ยารักษาโรคความดันโลหิตสูง ยาโรคหัวใจ ยาคลายเครียด เป็นต้น
- ใช้สายตา ติดต่อกันป็นเวลานานๆ เช่น การทำงานหน้าจอ คอมพิวเตอร์ การอ่านหนังสือ
- สภาพแวดล้อม ที่มีฝุ่นละอองมาก มีหมอก มีควัน มีลมพัดแรง มีแสงสว่างหรือแดดจ้า ห้องปรับอากาศที่มีอากาศแห้ง
- คอนแทคเลนส์ การใส่คอนแทคเลนส์ที่ไม่เหมาะสมหรือไม่มีคุณภาพ การผ่าตัดกระจกตาหรือเปลี่ยนกระจกตา การอักเสบของกระจกตาจากเชื้อเริม นอกจากนี้ ยังรวมถึงการเป็นอัมพฤกษ์ที่ใบหน้า
- โรคบางชนิด ประกอบด้วย โรคเบาหวาน กลุ่มอาการแพ้ยา ได้แก่ สตีเวน จอห์นสัน (Stevens-Johnson) ริดสีดวงตา และอาการผิวตาเสื่อมจากสารเคมี ได้แก่ กรด ด่าง รวมทั้งผื่นแพ้อย่างรุนแรง
อาการ ตาแห้ง
แต่ละคนอาจจะมีอาการแตกต่างกันไป หากใครมีอาการดังต่อไปนี้ควรระวังไว้เลย
- ตาแดง หรือตาบวม
- แสบตา ตาแห้งบริเวณผิวตา
- ตาล้า รู้สึกอยากหลับตานานๆ
- คันตาตลอดเวลา เคืองตาไม่หายเหมือนมีอะไรในเปลือกตา
- ตามัว มองเห็นสิ่งต่างๆ ไม่ชัด
- ตาแพ้แสง ตามีความไวต่อแสงจ้า
- น้ำตาไหล ต่อมน้ำตาผลิตน้ำตามากเกินไป แต่ไม่นานพอที่จะทำให้ตาหายแห้งได้
- ความรู้สึกคัน ระคายเคืองตาข้างเดียว หรือ สองข้าง รู้สึกเหมือนมีอะไรเข้าตา แต่ความจริงไม่มี
การรักษา ตาแห้ง
มีหลายวิธีที่สามารถปฏิบัติด้วยตัวเองได้ง่ายๆ รวมถึงการพบจักษุแพทย์เป็นประจำ
1. ลดการระเหยของน้ำตาให้น้อยลง ซึ่งเป็นวิธีที่ง่ายและได้ผลดี คือหลีกเลี่ยงการปะทะโดยตรงกับแสงแดดและลม สวมแว่นกันแดดเมื่ออยู่กลางแจ้ง ไม่นั่งในที่ที่มีลมพัดหรือลมแอร์เป่าใส่ดวงตา
2. กระพริบตาถี่ ๆ
ในภาวะปกติคนเราจะกระพริบตานาทีละ 20-22 ครั้ง ทุกครั้งที่กระพริบตา เปลือกตาจะรีดผิว
น้ำตาให้มาฉาบผิวกระจกตา แต่ถ้าในขณะที่จ้องหรือเพ่ง ตาจะลืมค้างไว้นานกว่าปกติ ทำให้กระพริบตา
เพียง 8-10 ครั้ง น้ำตาก็จะระเหยออกไปมาก ทำให้ตาแห้งเพิ่มขึ้น จึงควรพักสายตาโดยการหลับตา กระพริบตา ทุกๆ 10 - 15 นาที หรือลุกขึ้นเปลี่ยนอิริยาบถ ประมาณ 2-3 นาที ในทุกครึ่งชั่วโมง
3. ใช้กรอบแว่นตาชนิดพิเศษ
สำหรับผู้ที่ตาแห้งมาก อาจใช้กรอบแว่นชนิดพิเศษที่มีแผ่นคลุมปิดกันลมด้านข้างของแว่นตา แว่นชนิดนี้จะช่วยครอบทั้งดวงตาและป้องกันลม หรือจะใช้แผ่นซิลิโคนชนิดพิเศษที่มีลักษณะบางใส
และนุ่ม นำมาตัดให้เข้ารูปและติดเข้ากับด้านข้างของกรอบแว่นตาคู่เดิม ซึ่งเรียกว่า Moist Chamber
4. ใส่คอนแทคเลนส์ให้น้อยลง หากพบว่าตาแห้งมากควรงดใส่คอนแทคเลนส์
5. นอนพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้ร่างการสามารถผลิตน้ำตาได้เต็มที่
6. ใช้น้ำตาเทียม
- น้ำตาเทียมคือยาหยอดตาที่ใช้เพื่อหล่อลื่นและให้ความชุ่มชื้นกับผู้ที่ตาแห้ง
น้ำตาเทียม มี 2 ชนิด คือ
- น้ำตาเทียมชนิดน้ำ เหมาะที่จะใช้ในเวลากลางวัน เพราะไม่เหนียวเหนอะหนะและไม่ทำให้ตามัว แต่ต้องหยอดตาบ่อย
- น้ำตาเทียมชนิดเจลและขี้ผึ้ง มีลักษณะเหนียวหนืด หล่อลื่นและคงความชุ่มชื้นได้นานกว่าชนิดน้ำ แต่จะทำให้ตามัวชั่วขณะหลังป้ายยา จึงควรใช้ป้ายตาแต่น้อยและควรใช้ก่อนเข้านอน
การรักษาด้วยวิธีใช้น้ำตาเทียม เวลาในการหยอดตาจะขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการตาแห้ง หากวันใดไม่ถูกแสงแดดหรือลม และรู้สึกสบายตาก็ไม่จำเป็นต้องหยอด แต่ถ้ารู้สึกเคืองตามาก ก็สามารถหยอดบ่อยๆได้ตามต้องการ