การถ่างขยายหลอดเลือดหัวใจ (Percutaneous Coronary Intervention: PCI) คือ หนึ่งในการรักษาหลอดเลือดหัวใจในปัจจุบัน ซึ่งแบ่งเป็นการรักษาด้วยสายสวนหรือชนิดไม่ผ่าตัดและการรักษาด้วยการผ่าตัด (Coronary artery Bypass Surgery: CABG)
การถ่างขยายหลอดเลือดหัวใจ (Percutaneous Coronary Intervention: PCI) เป็นการรักษาแบบไม่ผ่าตัด โดยทำการขยายหลอดเลือดหัวใจโดยการใช้บอลลูนขยายหลอดเลือด หลังจากนั้นตามด้วยการใช้ขดลวดที่ไม่ใช่เหล็กเป็นโลหะสังเคราะห์ ใส่ขยายเพื่อรักษาสภาพของหลอดเลือดไม่ให้กลับมาตีบซ้ำและคงสภาพของหลอดเลือดที่เปิดด้วยการทำบอลลูนไว้และมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องใช้ยาต้านเกล็ดเลือดอย่างน้อย 1 – 2 ตัว เพื่อไม่ให้เกิดการตีบซ้ำและรักษาสภาพของขดเลือดไว้เสมอ ซึ่งชนิดของขดลวดแบ่งเป็นชนิดไม่เคลือบยา, เคลือบยา (Drug-eluting) และชนิดสารย่อยสลายตามธรรมชาติ
ทำที่ไหน
PCI ต้องทำในห้องฉีดสี, สวนหัวใจ (Cardiac Catheterization) เหมือนกันกับการทำฉีดสีหัวใจ, การรักษาจี้ไฟฟ้าหัวใจหรือการรักษาไฟฟ้าหัวใจ
การเตรียมตัวก่อนทำ การถ่างขยายหลอดเลือดหัวใจ (Percutaneous Coronary Intervention: PCI)
1. งดน้ำและอาหารอย่างน้อย 6 ชั่วโมงก่อนตรวจ
2. ผู้ป่วยบางรายแพทย์อาจแนะนำให้รับประทานยาต้านการแข็งตัวของเกร็ดเลือด เช่น Aspirin, Clopidogrel มาก่อน 5-7 วัน หรือหากไม่ได้รับประทานยามาผู้ป่วยจะได้รับในวันที่ทำหัตถการขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์
3. หากมีประวัติแพ้ยา อาหารทะเล หรือเลือดออกง่ายและหยุดยาก ต้องแจ้งให้แพทย์หรือพยาบาลทราบล่วงหน้า
4. หากมีประวัติการตรวจอื่นๆ เช่น ฟิล์มเอกซเรย์ปอดและหัวใจ ผลการตรวจเลือดที่ไม่เกิน 1 เดือน ผลการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (EKG) ผลการตรวจสมรรถภาพของหัวใจด้วยการออกกำลังกาย (EST) หรือผลของการตรวจคลื่นสะท้อนหัวใจ (Echocardiography) ควรนำมาให้แพทย์ดูก่อน
5. ผู้ป่วยจะได้รับการตรวจเลือดเพื่อประเมินหน้าที่ของไต การตรวจเชื้อไวรัส เช่น ไวรัสตับอักเสบบี ไวรัสเอดส์ เป็นต้น
6. ควรนำยาที่รับประทานเป็นประจำติดตัวมาด้วย
7. ควรมีญาติมาด้วยเพื่อช่วยในการตัดสินใจร่วมกับแพทย์และผู้ป่วย
8. ผู้ป่วยต้องลงชื่อในใบยินยอมการรักษาก่อนการตรวจ
ขั้นตอน การถ่างขยายหลอดเลือดหัวใจ (Percutaneous Coronary Intervention: PCI) ประกอบไปด้วย
- ฉีดสีหลอดเลือดหัวใจ
- การขยายหลอดเลือดหัวใจด้วยบอลลูน
- การใช้ขดลวด
- การเจาะแคลเซียมแข็งในหลอดเลือด
- การใช้อัลตราซาวนด์ขนาดเล็กในหลอดเลือดหัวใจ
- การวัดสัดส่วนของการไหลของหลอดเลือดหัวใจ
เมื่อทำการฉีดสีหลอดเลือดหัวใจเสร็จเรียบร้อยแล้วและได้ทราบผลของการฉีดสีและจำเป็นที่ต้องทำการรักษาด้วยการซ่อมแซมและเปิดหลอดเลือดหัวใจเป็นการรักษาขั้นต่อไปที่ดีที่สุดและเหมาะสมที่สุดแล้วกับผู้ป่วยและญาติ หลังจากนั้นจึงเริ่มเข้าสู่การรักษาด้วยการ PCI
- PTCA การเปิดหลอดเลือดที่ตีบของเส้นเลือดหัวใจ ไม่ว่าจะเป็นจากคราบไขมัน, แคลเซียมหรือลิ่มเลือด เพื่อให้เลือดกลับมาไหลเวียนได้อีกครั้งและทำให้เลือดนำออกซิเจนไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจได้ เป็นการใช้สายตัวนำใส่เข้าไปในหลอดเลือดหัวใจที่ตีบโดยตรง เมื่อได้ตำแหน่งที่เหมาะสม บอลลูนเล็ก ๆ จะถูกขยายตัวออก เพื่อให้หลอดเลือดที่ตัน-ตีบแคบขยายตัวและเปิดเส้นเลือด ทำให้รูของหลอดเลือดเปิดและขยายใหญ่ขึ้น โดยการใช้ Fluoroscope หรือ X-Ray เป็นตัวช่วยในการสร้างภาพและนำสาย Catheter ต่าง ๆ ไปยังตำแหน่งที่ถูกต้องเหมาะสม
- IVUS คือการใช้อัลตราซาวนด์ที่มีหัวตรวจเล็กมากที่สามารถใส่เข้าไปในหลอดเลือดหัวใจได้ เพื่อสร้างภาพอัลตราซาวนด์ในหลอดเลือดหัวใจโดยตรง โดยวิธีนี้จะสามารถเห็นภาพของหลอดเลือดหัวใจ, ความหนาของหลอดเลือดรวมถึงคราบตะกรัน, ไขมันและแคลเซียมต่าง ๆ เพื่อประกอบการตัดสินใจในการรักษาว่าจำเป็นต้องใช้ขดลวดหรือขนาดของขดลวดที่เหมาะสม
- FFR เป็นการตรวจหาสัดส่วนของการไหลของเลือดและความสามารถในการไหลของเลือดในหลอดเลือดหัวใจ โดยเทคนิคการวัดด้วยการใช้สายสวนเส้นเลือดหัวใจในหลอดเลือดที่ก้ำกึ่งว่าตีบตันหรือไม่ ในขั้นตอนการตรวจจะใส่สายเล็ก ๆ เข้าไปในหลอดเลือดหัวใจที่ตีบตันอยู่ และใส่ยาที่ทำการขยายหลอดเลือดหัวใจ และวัดความดันที่เปลี่ยนแปลงไปในหลอดเลือดหัวใจ ขณะที่ทำการขยายด้วยยาแล้ว ซึ่งจะสามารถทำให้ทราบถึงความจำเป็นว่าต้องมีการใส่ขดลวดเพื่อการรักษาต่อไปหรือไม่
- Coronary Atherectomy คือ การใช้หัวกรอในการสลายและกรอส่วนที่เป็นหินปูนแข็งและอยู่ในผนังของหลอดเลือด โดยการใช้หัวกรอเล็กๆ หมุนเป็นสว่าน เจาะเข้าไปในคราบหินปูนที่แข็งและอุดตันหลอดเลือดนั้น
ความเสี่ยงของ การถ่างขยายหลอดเลือดหัวใจ (Percutaneous Coronary Intervention: PCI)
ความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นของการทำใส่ขดลวด, การกรอหลอดเลือด เช่น
- เลือดออกบริเวณที่มีการใส่สายสวน (เช่น ที่ขาหนีบหรือข้อมือ)
- บาดเจ็บตรงหลอดเลือดบริเวณที่ทำ
- บาดเจ็บตรงหลอดเลือดที่ใส่ขดลวดที่หลอดเลือดหัวใจ
- มีการติดเชื้อแทรกซ้อนบริเวณแผลที่ทำ
- ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ
- เกิดการขาดเลือดของกล้ามเนื้อหัวใจฉับพลัน
- อัมพฤกษ์ อัมพาต
- เจ็บหน้าอก
- การแตกของหลอดเลือดหัวใจที่จำเป็นต้องทำการผ่าตัดเส้นเลือดหัวใจฉุกเฉิน
- ความเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์, แพ้สารทึบแสง
- ควรจะต้องมีการพูดคุยและปรึกษาแพทย์ผู้ทำการรักษาในเรื่องของโอกาสในการเกิดภาวะแทรกซ้อน