โรคลำไส้อักเสบ (Inflammatory Bowel Disease: IBD) คือ โรคที่มีการอักเสบของระบบทางเดินอาหารชนิดหนึ่ง ซึ่งเกิดการอักเสบที่เยื่อบุผนังบริเวณลำไส้ใหญ่ ส่งผลให้เกิดแผลที่ผนังทางเดินอาหาร โดยอาการอักเสบที่เกิดขึ้นส่งผลให้เกิดเลือดออกที่ผนังลำไส้ ทำให้ลำไส้บีบตัวเร็วขึ้น ผู้ป่วยจึงมีอาการปวดท้อง ท้องเสีย ถ่ายเป็นเลือดปนออกมา ทั้งนี้เกิดจากการหลุดลอกของเยื่อบุผนังลำไส้ที่มีเกิดการอักเสบนั่นเอง
เป็นกลุ่มโรคที่มีการอักเสบบริเวณทางเดินอาหาร แบ่งเป็น 2 กลุ่มคือ
- Crohn’s disease
มีการอักเสบได้ทุกส่วนของทางเดินอาหาร ทำให้ปวดท้อง น้ำหนักลด ซีด - Ulcerative Colitis ลำไส้ใหญ่อักเสบ
มีการอักเสบเฉพาะบริเวณลำไส้ใหญ่ มีอาการท้องเสียอย่างรุนแรงและ ถ่ายเป็นเลือด
สาเหตุ โรคลำไส้อักเสบ
- เกิดจากพิษของแบคทีเรีย โดยที่ไม่มีการรุกรานทำลายผิวของลำไส้ (Non-invasive) ส่วนใหญ่เกิดจากแบคทีเรียที่ทำให้เกิดอาการท้องเสีย อาจทำให้ถ่ายมากกว่า 10 ลิตรต่อวัน และทำให้เกิดภาวะช็อกจากการสูญเสียน้ำได้ภายในระยะเวลาไม่กี่ชั่วโมง
- เกิดจากการรุกรานทำลายผิวของลำไส้โดยแบคทีเรีย (Invasive) อาการของโรคเกิดจากการทำลายผนังของลำไส้ ทำให้มีอาการท้องเสีย ปวดท้อง มีไข้สูง อุจจาระมีมูกเลือดหรือมีกลิ่นเหม็น
- เกิดจากการติดเชื้อไวรัส (Viral gastroenteritis) เป็นสาเหตุของการท้องเสียที่พบบ่อยในเด็กเล็ก แต่ปัจจุบันพบโรคนี้ในผู้ป่วยผู้ใหญ่มากขึ้น ได้แก่ Rota visus, Adenovirus หรือ Norovirus ทำให้มีอาการท้องเสีย มีไข้ ปวดท้อง คลื่นไส้ ปวดตามตัว เป็นต้น
อาการ โรคลำไส้อักเสบ
- ผู้ป่วยจะมีอาการปวดเกร็งบริเวณท้อง เนื่องจากลำไส้บีบตัว
- อาจเกิดอาการท้องร่วงกะทันหัน ถ่ายวันละ 10-20 ครั้ง
- อาจมีมูก หรือเลือดปนมากับอุจจาระในบางรายอาจมีไข้ขึ้นสูงร่วมด้วยได้
- คลื่นไส้ อ่อนเพลีย น้ำหนักลด
- นอกจากอาจมีอาการทางระบบอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น ข้ออักเสบ ตาอักเสบ เป็นต้น
การรักษา โรคลำไส้อักเสบ
มีอยู่ 4 กลุ่มทางเลือกด้วยกัน คือ
- การใช้ยา เช่น ยาคอร์ติโคสเตอรอยด์ (Corticosteroids)
- การจัดการด้านอาหาร
- การดูแลให้คำแนะนำ การประคับประคองทางอารมณ์
- การผ่าตัด
เป้าหมายหลักที่สำคัญของการรักษาคือการบรรเทาอาการของโรค (เช่น ท้องเสีย ปวดท้อง การเสียเลือดทางอุจจาระ) อาการข้างเคียงที่เกิดขึ้น (เช่น ฝี ฝีคัณฑสูตร) และป้องกันการกลับเป็นซ้ำได้ สิ่งสำคัญ คือ การงดสูบบุหรี่ ผู้ป่วยที่งดสูบบุหรี่ได้จะทำให้การเกิดกลับเป็นซ้ำของโรคลดลงร้อยละ 60 ภายในช่วงเวลา 2 ปี
อาหารไม่ได้เป็นสาเหตุของการเกิด IBD แต่มีส่วนทำให้อาการของโรคแย่ลงขณะที่มีอาการกำเริบ เป้าหมายของภาวะโภชนาการสำหรับผู้ป่วย IBD จึงอยู่ที่การจัดการแบบแผนการบริโภคอาหารเพื่อลดอาการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการย่อยอาหาร ในขณะเดียวกันก็รักษาระดับสารอาหารที่จำเป็นเอาไว้ แพทย์จะประเมินสภาวะทางโภชนาการเพื่อดูว่าผู้ป่วยได้รับปริมาณพลังงาน วิตามิน และเกลือแร่เพียงพอหรือไม่ หากผู้ป่วยไม่ได้รับสารอาหารอย่างเพียงพอ แพทย์อาจแนะนำให้ผู้ป่วยใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารประเภทอาหารเหลว เป็นต้น