โรคหัวใจ คือ มีความหมายกว้างมาก อาการที่เกิดจากโรคหัวใจหรือสัมพันธ์กับหัวใจนั้น มีไม่มากนัก ดังอาการ ข้างล่างนี้ แต่อย่างไรก็ตามอาการดังกล่าวก็มิได้เกิดขึ้นกับผู้ป่วยโรคหัวใจเท่านั้น ยังมีโรคอื่นๆที่ให้อาการคล้ายกัน ดังนั้นการที่ แพทย์จะพิจารณาให้การวินิจฉัยนั้น จำเป็นต้องอาศัยประวัติ อาการโดยละเอียด ร่วมกับการตรวจร่างกาย บางครั้งต้องอาศัยการ ตรวจพิเศษต่างๆ เช่น เลือด ปัสสาวะ เอกซเรย์ เป็นต้น เพื่อแยกโรคต่างๆที่มีอาการคล้ายกัน
ปัจจัยเสี่ยง โรคหัวใจ
- อายุขึ้นเลข 4 วัย 40 เป็นวัยที่ต้องระวังสุขภาพอย่างมาก (แต่ปัจจุบันพบว่าอัตราการเป็นโรคหัวใจพบมากขึ้นในคนอายุ 30-40 ปี)
- พันธุกรรม ผู้ที่มีประวัติครอบครัว พ่อหรือแม่เป็นโรคหัวใจ จะมีความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ
- เพศ ผู้ชายจะมีความเสี่ยงต่ออาการโรคหัวใจมากกว่าผู้หญิง
- สูบบุหรี่
- ไขมันในเลือดสูง มีความเสี่ยงกับการเป็นโรคหัวใจมากกว่าคนที่มีไขมันในเลือดปกติหรือต่ำกว่าหลายเท่า เพราะไขมัน คือ ตัวการสำคัญที่จะไปจับตามผนังหลอดเลือด และทำให้หลอดเลือดอุดตัน โดยเฉพาะหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจ
- เบาหวาน น้ำตาลในเลือดที่สูงกว่าปกติและเป็นเวลานานๆ โดยไม่มีการควบคุมให้ดีพอ ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่จะทำให้ผนังหลอดเลือดอ่อนแอ ไม่แข็งแรง และเป็นสาเหตุของหลอดเลือดหัวใจตีบตันได้
- ความดันโลหิตสูง เป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญอีกอย่างหนึ่ง เพราะคนที่มีความดันโลหิตสูงใช่ว่าจะทำให้เลือดมีแรงดันที่จะไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกายได้ดีกว่าคนที่ความดันโลหิตปกติ ตรงกันข้ามกลับทำให้หลอดเลือดเกิดการหดเกร็งตัว และทำให้หัวใจขาดเลือดได้อีกเหมือนกัน
อาการ โรคหัวใจ
- ความดันตกในท่ายื่น
- ความดันโลหิตต่ำ
- ความดันโลหิตสูง
- ช็อก
- ภาวะตัวเย็นเกิน
- ภาวะหลอดเลือดดำส่วนลึกมีลิ่มเลือด
- ภาวะหลอดเลือดแข็ง
- ภาวะอกรวน
- หลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพอง
- อ่อนเพลีย
- เจ็บหน้าอก
- เม็ดเลือดแดงแตกในทารกแรกเกิด
- โรคไลม์
- โลหิตจาง
- โลหิตจางจากภาวะขาดธาตุเหล็ก
- โลหิตจางจากเม็ดเลือดแดงแตก
- ใจสั่น
ประเภทของ โรคหัวใจ
- ภาวะหัวใจหยุดเต้น
- ภาวะหัวใจห้องล่างเต้นสั่นพริ้ว
- หัวใจขาดเลือด
- หัวใจวาย – หัวใจล้มเหลว
- หัวใจสั่นพริ้ว
- หัวใจห้องล่างเต้นเร็ว
- หัวใจเต้นช้า
- หัวใจเต้นเร็ว
- หัวใจโต
- โรคกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ
- โรครูรั่วที่ผนังกั้นหัวใจห้องล่าง
- โรครูรั่วผนังกั้นหัวใจห้องบน
- โรคลิ้นหัวใจตีบ
- โรคลิ้นหัวใจพัลโมนารีรั่ว
- โรคลิ้นหัวใจรั่ว
- โรคลิ้นหัวใจไตคัสปิดตีบ
- โรคลิ้นหัวใจไมทรัลตีบ
- โรคลิ้นหัวใจไมทรัลรั่ว
- โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ
- โรคหลอดเลือดหัวใจเกิน
- โรคหัวใจพิการแต่กำเนิด
- โรคหัวใจรูมาติก
- โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ
- โรคเยื่อบุหัวใจอักเสบ
- โรคเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ
วิธีตรวจวินิจฉัยและรักษา โรคหัวใจ
- แพทย์จะเริ่มจากการสอบถามประวัติ อาการเจ็บป่วยต่างๆ ที่พึงสงสัย รวมทั้งปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ของคนไข้
- แพทย์จะทำการตรวจร่างกายทั้งตัว ทุกระบบของร่างกาย รวมทั้งระบบหัวใจและหลอดเลือด โดยฟังการเต้นของหัวใจ วัดความดันโลหิต
- ตรวจด้วยการเอกซเรย์ทรวงอก และตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (EKG) โดยใช้สื่อนำคลื่นไฟฟ้าขนาดเล็กไปวางตามจุดต่างๆ ของร่างกาย ได้แก่ หน้าอก แขน และขา จากนั้นกราฟจะแสดงคลื่นไฟฟ้าเพื่อให้แพทย์อ่านผลและวินิจฉัยระดับความรุนแรงของโรคต่อไป และการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจขณะออกกำลังกาย (Exercise Stress Test: EST) คือการให้ผู้ป่วยเดิน หรือวิ่งบนสายพาน เพื่อกระตุ้นให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น และดูการการเปลี่ยนแปลงของคลื่นไฟฟ้าหัวใจ สำหรับผู้ที่ไม่พร้อมในการวิ่งสายพาน จะเป็นการตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียงสะท้อนความถี่สูง (Echocardiography) เพื่อดูกายวิภาคของหัวใจ ความหนาของผนังหัวใจ การเคลื่อนที่และการบีบตัว วิธีนี้สามารถวินิจฉัยโรคหัวใจได้เกือบทุกประเภท
- การตรวจหัวใจ ด้วยเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ความเร็วสูง (CT Coronary Artery) เป็นการตรวจเพื่อวิเคราะห์หาเส้นเลือดที่ตีบจากการมีไขมันไปเกาะหลอดเลือดแดง ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้หลอดเลือดแดงที่ไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจอุดตันเฉียบพลัน ทำให้เกิดภาวะหัวใจวายได้ เพื่อช่วยให้แพทย์สามารถควบคุมและรักษาปัจจัยเสี่ยงโรคหัวใจให้ผู้ป่วยแต่ละรายอย่างเหมาะสม นอกจากนี้ สามารถใช้ในการตรวจการทำงานของกล้ามเนื้อหัวใจ เยื่อหุ้มหัวใจอีกด้วย
- หากเกิดข้อสงสัยว่าเป็นโรคหัวใจ การตรวจที่จะบอกได้แน่ชัด คือการตรวจฉีดสีเพื่อดูเส้นเลือดหัวใจ หรือที่เรียกว่าการสวนหลอดเลือดหัวใจ
[Total: 0 Average: 0]